รอยเตอร์/มาร์เกตวอตช์ - ราคาน้ำมันปิดผสมผสานในวันพฤหัสบดี (14 มิ.ย.) ถูกกดดันจากข้อมูลทางปิโตรเลียมของสหรัฐฯ ส่วนเอสแอนด์พีและแนสแดคปรับขึ้น จากความเคลื่อนไหวทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป ปัจจัยนี้ดันทองคำขึ้นแรง
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้น 25 เซ็นต์ ปิดที่ 66.89 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 80 เซ็นต์ ปิดที่ 75.94 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ตลาดน้ำมันยังอยู่ภายใต้แรงกดดันของรายงานจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ ที่เผยแพร่เมื่อวันพุธ (13 มิ.ย.) ซึ่งระบุว่าคลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 8 มิถุนายน ลดลง 4.1 ล้านบาร์เรล แต่ขณะเดียวกันก็พบว่ากำลังผลิตภายในประเทศโดยรวมในสัปดาห์เดียวกัน เพิ่มขึ้น 100,000 บาร์เรลต่อวัน เป็น 10.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน สูงสุดเป็นประวัติการณ์
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดี (14 มิ.ย.) ปิดผสมผสาน หลังธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) บอกว่าจะไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยไปจนถึงช่วงกลางปี 2019 หนึ่งวันหลังเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยและแย้มว่าจะปรับขึ้นอีก 2 ครั้งในปีนี้
ดาวโจนส์ ลดลง 25.89 จุด (0.10 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 25,175.31 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 6.86 จุด (0.25 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,782.49 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 65.34 จุด (0.85 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 7,761.04 จุด
อีซีบีตัดสินใจจะยุติโครงการเข้าซื้อพันธบัตรในช่วงสิ้นปีนี้ และบอกว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไปจนถึงช่วงฤดูร้อนปี 2019
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังวันหลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับขึ้นดอกเบี้ยและแย้มว่าจะปรับขึ้นอีก 2 ครั้งในปีนี้
ในวันพฤหัสบดี (14 มิ.ย.) รัฐบาลสหรัฐฯ เปิดเผยข้อมูลทางเศรษฐกิจ ที่พบยอดค้าปลีกแข็งแกร่งเกินคาดหมาย ส่วนยอดผู้ขอรับสิทธิประโยชน์คนว่างงานก็ลดลงต่ำสุดในรอบเกือบ 44 ปีครึ่ง ยิ่งสะท้อนมุมมองทางบวกต่อเศรษฐกิจของเฟด
ส่วนราคาทองคำในวันพฤหัสบดี (14 มิ.ย.) ขึ้นแรง ตามหลังการตัดสินใจทางนโยบายการเงินของทั้งอีซีบีและเฟด โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 7 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,308.30 ดอลลาร์ต่ออออนซ์