เอเอฟพี/เอเจนซีส์ - ทำเนียบขาวแถลงในวันอังคาร (29 พ.ค.) ว่า แผนการลงโทษคว่ำบาตรจีนในด้านการค้าที่ประกาศออกมาตั้งแต่เมื่อเดือนมีนาคม ยังคงอยู่ระหว่างการจัดทำ โดยจะมีการประกาศรายละเอียดขั้นสุดท้ายและบังคับใช้ในเดือนมิถุนายนนี้
ถึงแม้วอชิงตันกับปักกิ่งมีการสงบศึกหยุดการแสดงความเป็นปรปักษ์ตอบโต้กันทางด้านการค้า โดยที่รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ สตีเวน มนูชิน กล่าวภายหลังการเจรจาระดับสูงทางการค้ารอบ 2 ในกรุงวอชิงตันช่วงกลางเดือนนี้ ว่าการที่สหรัฐฯจะใช้มาตรการขึ้นภาษีศุลกากรต่อสินค้าเข้าของจีนตามที่ได้ข่มขู่เอาไว้ก่อนหน้านั้น จะ “ระงับเอาไว้ก่อน” แต่แล้วในวันอังคาร (29) ทำเนียบขาวกลับส่งสัญญาณว่าตนเตรียมพร้อมที่จะนำเอาแผนการที่ได้วางไว้ออกมาใช้ ซึ่งจะมีการลงโทษเล่นงานจีนในหลายๆ เรื่อง
คำประกาศคราวนี้แทบไม่ได้เสนอข้อมูลข่าวสารอะไรใหม่ๆ ทว่าออกมาภายหลังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างดุเดือดจากพวกสมาชิกรัฐสภาอเมริกันว่า ยุทธวิธีในการเจรจาและเจตนารมณ์ของทำเนียบขาวที่จะผ่อนคลายมาตรการลงโทษคว่ำบาตรอันขึงขังหนักแน่นในบางกรณีนั้น ไม่ได้ให้ผลประโยชน์แก่สหรัฐฯเลย
การแถลงครั้งนี้ยังปรากฏขึ้นในขณะที่รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ วิลเบอร์ รอสส์ กำลังเตรียมตัวเดินทางไปปักกิ่งในสัปดาห์นี้ เพื่อเปิดการเจรจาการค้าอีกรอบหนึ่งซึ่งมุ่งหมายที่จะแก้ไขความขัดแย้งที่มีอยู่ระหว่างกัน โดยรวมถึงการที่จีนข่มขู่จะตอบโต้ด้วยการแซงก์ชั่นขึ้นภาษีสินค้าเข้าจากสหรัฐฯ ในระดับสมน้ำสมเนื้อกัน
คำประกาศของทำเนียบขาวระบุว่า การแซงก์ชันทางการค้าต่อจีนที่สหรัฐฯ ประกาศออกมาเมื่อเดือนมีนาคมนั้น ยังคงอยู่ระหว่างการเดินหน้าไปตามกระบวนการ ทั้งนี้มาตรการลงโทษคว่ำบาตรเหล่านี้มีทั้งการขึ้นภาษีศุลกากรในอัตรา 25% ต่อสินค้าเข้าจีนโดยส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าเทคโนโลยีรวมเป็นมูลค่า 50,000 ล้านดอลลาร์ นอกจากนั้นยังจะมีการจำกัดการลงทุนของจีนในสหรัฐฯ และเพิ่มเติมการจำกัดการส่งออกสินค้าเทคโนโลยีอเมริกันไปยังแดนมังกร
รายชื่อสุดท้ายของสินค้าเข้าของจีนที่จะถูกเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มนี้ ทางการสหรัฐฯจะประกาศออกมาในวันที่ 15 มิถุนายน และให้มีผลบังคับใช้หลังจากนั้นไม่นาน ขณะที่มาตรการในการจำกัดการลงทุนของจีนและการเพิ่มการควบคุมการส่งออกไปยังจีนนั้นจะมีการประกาศภายในวันที่ 30 มิถุนายน
นอกจากนั้น “สหรัฐฯ จะขอให้จีนขจัดกำแพงกีดขวางการค้าของพวกเขาที่มีอยู่เป็นจำนวนมากออกไปให้หมด รวมทั้งกำแพงกีดขวางการค้าที่ไม่ใช่เรื่องการเงินด้วย โดยที่เครื่องกีดขวางเหล่านี้ทั้งสร้างความลำบากและความไม่เป็นธรรมในการไปทำธุรกิจที่จีน” คำประกาศของทำเนียบขาวบอก โดยกล่าวว่า ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการเจรจากันที่กำลังดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง
ทรัมป์นั้นต้องเผชิญปฏิกิริยาตอบโต้จากพวกสมาชิกรัฐสภาในเดือนนี้ หลังจากเขาแสดงท่าทีผ่อนคลายการแซงก์ชั่นทางการค้าต่อจีน โดยเฉพาะกรณีของ แซดทีอี บริษัทรัฐวิสาหกิจยักษ์ใหญ่ด้านการผลิตอุปกรณ์การสื่อสารโทรคมนาคมของจีน ซึ่งเกือบๆ ล้มครืน สืบเนื่องจากสหรัฐฯประกาศเมื่อเดือนเมษายนห้ามบริษัทอเมริกันขายชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ให้
สมาชิกรัฐสภาทั้งในพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกัน ยังวิพากษ์วิจารณ์ทรัมป์ว่า การประกาศสงบศึกในกลางเดือนพฤษภาคมนี้นั้น เป็นการสละความได้เปรียบของวอชิงตัน โดยที่ไม่ได้รับการโอนอ่อนอันสำคัญจากปักกิ่งเป็นการตอบแทน