เอเอฟพี - รัฐบาลเกาหลีเหนืออนุญาตในนาทีสุดท้ายให้คณะสื่อมวลชนเกาหลีใต้เดินทางเข้าไปทำข่าวการปิดสถานที่ทดสอบนิวเคลียร์ กรุงโซลยืนยันวันนี้ (23 พ.ค.)
เปียงยางประกาศเมื่อต้นเดือน พ.ค. ว่า สถานที่ทดสอบนิวเคลียร์ปุงกเย-รี (Punggye-ri) ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศจะถูกทำลายอย่างถาวรระหว่างวันที่ 23-25 พ.ค. ขึ้นอยู่กับสภาพลมฟ้าอากาศ และมีการเชิญผู้สื่อข่าวต่างประเทศกลุ่มเล็กๆ รวมถึงสื่อเกาหลีใต้ ให้เข้าไปร่วมทำข่าวเหตุการณ์ประวัติศาสตร์นี้
ผู้แทนจากสำนักข่าวจีน อังกฤษ สหรัฐฯ และรัสเซีย ได้ขึ้นเครื่องบินจากกรุงปักกิ่งไปยังเมืองวอนซาน (Wonsan) ของเกาหลีเหนือเมื่อวันอังคาร (22) และต้องต่อรถไฟหรือรถบัสอีกประมาณ 20 ชั่วโมงเพื่อไปยังสถานที่ทดสอบนิวเคลียร์ซึ่งตั้งอยู่ในชนบทห่างไกล
อย่างไรก็ตาม คณะผู้สื่อข่าวเกาหลีใต้กลับถูกทิ้งไว้ที่สนามบินปักกิ่ง เนื่องจากเกาหลีเหนือไม่ออกวีซ่าให้
ล่าสุดในวันนี้ (23) กระทรวงการรวมชาติเกาหลีใต้ยืนยันว่า เปียงยางอนุญาตให้สื่อมวลชนโสมขาวเดินทางไปร่วมทำข่าวได้แล้ว
“รัฐบาลจะเร่งดำเนินมาตรการต่างๆ ที่จำเป็น เช่น อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวได้ไปเยือนเกาหลีเหนือ และอำนวยความสะดวกเรื่องการเดินทาง เป็นต้น” กระทรวงระบุ
ทั้งนี้ ยังไม่มีคำอธิบายว่าคณะผู้สื่อข่าวโสมขาวจะเดินทางไปเกาหลีเหนือด้วยวิธีใด แต่โฆษกกระทรวงการรวมชาติได้พูดเปรยเมื่อวานนี้ (22) ว่ารัฐบาลอาจจัดเครื่องบินเช่าเหมาลำให้
คาบสมุทรเกาหลีถูกแบ่งแยกออกเป็น 2 ส่วนหลังสงครามเกาหลียุติลงในปี 1953 และปัจจุบันสองเกาหลียังไม่มีเที่ยวบินพาณิชย์เชื่อมต่อระหว่างกัน
โสมแดงประกาศทำลายสถานที่ทดสอบนิวเคลียร์ ปุงกเย-รี เพื่อแสดงความจริงใจ ก่อนที่จะมีการประชุมซัมมิตระหว่างผู้นำ คิม จองอึน กับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่สิงคโปร์ในวันที่ 12 มิ.ย.
อย่างไรก็ตาม เกาหลีเหนือออกมาขู่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าอาจจะถอนตัวจากการประชุม หากวอชิงตันยังขืนบังคับให้ต้องปลดอาวุธนิวเคลียร์ฝ่ายเดียว
ระหว่างหารือกับประธานาธิบดี มุน แจอิน แห่งเกาหลีใต้เมื่อวานนี้ (22 พ.ค.) ทรัมป์ ยอมรับเช่นกันว่าไม่มั่นใจว่าการประชุมซัมมิตกับ คิม จะเกิดขึ้นหรือไม่
“มีเงื่อนไขบางประการที่เราเรียกร้อง ซึ่งผมคิดว่าเราคงจะได้ แต่หากไม่ได้ ก็จะไม่มีการประชุมเกิดขึ้น” ทรัมป์ บอกกับสื่อมวลชน โดยไม่เผยรายละเอียดว่าเงื่อนไขเหล่านั้นคืออะไร
ปุงกเย-รี ถูกใช้เป็นสถานที่ทดลองนิวเคลียร์ตลอด 6 ครั้งที่ผ่านมา รวมถึงครั้งล่าสุดเมื่อเดือน ก.ย. ปี 2017 ซึ่งโสมแดงอ้างว่าเป็นระเบิดไฮโดรเจน (H-bomb) ที่มีอานุภาพร้ายแรงที่สุดเท่าที่เคยทดสอบมา