รอยเตอร์ – มือระเบิดฆ่าตัวตายที่สงสัยว่าเป็นสมาชิกกลุ่มติดอาวุธที่ได้แรงบันดาลใจจากไอเอส ก่อเหตุโจมตีโบสถ์คริสต์ 3 แห่งในสุราบายา ระหว่างการทำพิธีทางศาสนาช่วงเช้าวันอาทิตย์ (13 พ.ค.) ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 13 ราย บาดเจ็บ 40 ราย อิเหนาคาดเชื่อมโยงกับการยึดเรือนจำของนักโทษอิสลามหัวรุนแรงเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้
ฟรานส์ บารุง มังเกรา โฆษกสำนักงานตำรวจชวาตะวันออก แถลงว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในโบสถ์ 3 แห่ง ที่เมืองสุราบายา ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของอินโดนีเซีย และยืนยันว่า ทางการได้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยแหล่งชุมนุมชนทุกแห่งแล้ว และขอให้ประชาชนอยู่ในความสงบ
ก่อนหน้านั้น มังเกราเปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า ตำรวจสามารถเก็บกู้อุปกรณ์ระเบิดที่ไม่ทำงานในสถานที่แห่งหนึ่งได้
ภาพข่าวทางทีวีเผยให้เห็นโบสถ์หนึ่งในสามแห่งที่ถูกโจมตี โดยที่สนามด้านหน้าปกคลุมด้วยไฟและควันดำหนา มีเสียงระเบิดดังกึกก้องหลังการโจมตีหลายชั่วโมง ซึ่งมังเกราระบุว่า เป็นเสียงจากการทำลายระเบิดของเจ้าหน้าที่
ยังไม่มีบุคคลหรือกลุ่มใดออกมาอ้างว่าเป็นคนลงมือต่อเหตุการณ์โจมตีครั้งนี้ ที่มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 13 ราย บาดเจ็บ 40 ราย
วาวัน เปอร์วันโต ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของสำนักงานข่าวกรองอินโดนีเซีย เชื่อว่า เป็นฝีมือกลุ่มญามาอะห์ อันซอรุต เดาละห์ (JAD) ที่ได้แรงบันดาลใจจากกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส)
JAD เป็นองค์กรที่อยู่ในบัญชีกลุ่มก่อการร้ายของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ และเชื่อว่า ดึงดูดผู้ฝักใฝ่ไอเอสหลายร้อยคนในอินโดนีเซีย
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากนักโทษอิสลามหัวรุนแรงสังหารเจ้าหน้าที่ 5 นายของกองกำลังต่อต้านการก่อการร้ายอินโดนีเซีย ระหว่างการเผชิญหน้ากันในเรือนจำที่มีการรักษาความปลอดภัยเข้มงวดชานกรุงจาการ์ตาที่ยืดเยื้อถึง 36 ชั่วโมง
เปอร์วันโตสำทับว่า การโจมตีโบสถ์ครั้งล่าสุดนี้ มีแนวโน้มเชื่อมโยงกับการยึดเรือนจำเมื่อหลายวันก่อน เป้าหมายหลักยังคงเป็นเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคง ซึ่งหากไม่สามารถโจมตีเป้าหมายหลักได้ ผู้ก่อการร้ายอาจเปลี่ยนไปโจมตีเป้าหมายอื่นแทน
ที่โบสถ์เซนต์แมรี่ ซึ่งเป็นสถานที่แรกที่ถูกโจมตี เหตุระเบิดเกิดขึ้นหลังพิธีมิสซาจบลงและโบสถ์กำลังเตรียมทำพิธีต่อ
มาฟุดดิน อาริฟิน จเรตำรวจอินโดนีเซีย เปิดเผยกับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น อินโดนีเซียว่า มือระเบิดฆ่าตัวตายที่โบสถ์เซนต์แมรีใช้รถจักรยานยนต์ในการก่อเหตุ
ผู้เห็นเหตุการณ์คนหนึ่งเล่าให้ซีเอ็นเอ็น อินโดนีเซียฟังว่า ก่อนเกิดเหตุไม่นาน เขาเห็นคนขี่รถจักรยานยนต์เข้าไปที่โบสถ์พร้อมกล่องกระดาษใบหนึ่ง
ด้านสำนักข่าวรอยเตอร์อ้างรายงานภายในของตำรวจว่า น่าจะมีการซ่อนระเบิดไว้ในรถคันหนึ่งที่จอดอยู่ในที่จอดรถของโบสถ์เพนตาคอสตัล ซึ่งเป็นจุดที่สอง ทำให้รถจักรยานยนต์หลายสิบคันเกิดไฟไหม้
ส่วนที่โบสถ์ อินโดนีเซียน คริสเตียน ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุที่ 3 ผู้หญิงที่มีผ้าคลุมหน้าสองคนเดินเข้าไปที่สนามของโบสถ์และถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเรียกให้หยุดก่อนเกิดระเบิดในจุดดังกล่าว
ประธานาธิบดี โจโค วิโดโด เตรียมเดินทางไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บในวันอาทิตย์ ขณะที่ เร็ตโน มาซูดี รัฐมนตรีต่างประเทศ ประณามการโจมตีที่เกิดขึ้น พร้อมประกาศผ่านทวิตเตอร์ว่า อินโดนีเซียจะไม่ยอมอ่อนข้อในการต่อสู้กับลัทธิก่อการร้าย
เจียร์รี ซูมัมโป โฆษกของ "คอมมิวเนียน ออฟ เชิร์ช" ซึ่งเป็นสมาคมโบสถ์คริสต์ในอินโดนีเซีย เรียกร้องให้รัฐบาลเพิ่มความช่วยเหลือในการรักษาความปลอดภัยโบสถ์ โดยทางสมาคมฯ มีความกังวลเนื่องจากมีการโจมตีโบสถ์หลายครั้ง และมักเกิดขึ้นในช่วงทำพิธีวันอาทิตย์
ทั้งนี้ แม้ประชากรเกือบ 90% ของอินโดนีเซียนับถือศาสนาอิสลาม แต่ยังมีประชาชนจำนวนมากนับถือศาสนาอื่นๆ เช่น ฮินดู คริสต์ พุทธ รวมทั้งความเชื่อดั้งเดิม
อินโดนีเซียประสบความสำเร็จในการจัดการกลุ่มหัวรุนแรงที่ได้แรงบันดาลใจจากการโจมตีอเมริกาของกลุ่มอัล-กออิดะห์เมื่อปี 2001 กระนั้น ช่วงหลายปีมานี้กลุ่มอิสลามหัวรุนแรงเริ่มกลับมาก่อกวนอีกครั้ง โดยบางกลุ่มเชื่อมโยงกับไอเอส เหตุการณ์ร้ายแรงที่สุดเกิดขึ้นเมื่อเดือนมกราคม 2016 เมื่อมือระเบิดฆ่าตัวตาย 4 คนโจมตีย่านช้อปปิ้งกลางกรุงจาการ์ตา
ก่อนหน้านี้โบสถ์คริสต์ตกเป็นเป้าหมายการโจมตีหลายครั้ง เช่น การโจมตีโบสถ์หลายแห่งในละแวกใกล้กันในช่วงเทศกาลคริสต์มาสปี 2000 ทำให้มีผู้เสียชีวิตราว 20 คน