รอยเตอร์ - เกาหลีใต้ยืนยันวันนี้ (2 พ.ค.) ว่ากองกำลังสหรัฐฯ ที่อยู่ในแดนโสมขาวไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแผนทำสนธิสัญญาสันติภาพกับเกาหลีเหนือ และเรียกร้องให้อเมริกาคงทหารไว้ตามเดิมไม่ว่าจะมีข้อตกลงใดๆ เกิดขึ้นก็ตาม
“ทหารสหรัฐฯ ที่ประจำอยู่ในเกาหลีใต้เป็นเรื่องของความเป็นพันธมิตรระหว่างเกาหลีใต้กับสหรัฐฯ ซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลงนามสนธิสัญญาสันติภาพ” คิม อึยคยอม (Kim Eui-kyeom) โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้ระบุ โดยอ้างคำพูดของประธานาธิบดี มุน แจอิน
ทำเนียบสีน้ำเงินออกมาชี้แจงต่อสื่อมวลชนเกี่ยวกับบทความของ มุน ชุงอิน (Moon Chung-in) นักวิชาการและที่ปรึกษาของผู้นำเกาหลีใต้ซึ่งถูกตีพิมพ์ในสัปดาห์นี้ โดยเขาระบุว่า เป็นการยากที่จะหาเหตุผลในการคงทหารสหรัฐฯ เอาไว้ในเกาหลีใต้หากมีการเซ็นสนธิสัญญาสันติภาพ เนื่องจากประธานาธิบดี มุน และผู้นำ คิม จองอึน เห็นพ้องกันในการประชุมสุดยอดเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าจะร่วมกันทำให้ความขัดแย้งระหว่างสองเกาหลีปิดฉากลงอย่างสมบูรณ์แบบ
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ในทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้ซึ่งไม่ประสงค์ออกนาม ระบุว่า โซลยังต้องการมีกองกำลังสหรัฐฯ เอาไว้เป็นตัวกลางไกล่เกลี่ย หากเกิดการเผชิญหน้าทางทหารกับชาติมหาอำนาจใกล้เคียง เช่น จีนและญี่ปุ่น
โฆษก คิม ระบุด้วยว่า ที่ปรึกษารายนี้ถูกขอร้องให้ไม่สร้างความสับสนเกี่ยวกับจุดยืนของประธานาธิบดี มุน
สหรัฐฯ มีทหารประจำการถาวรอยู่ในเกาหลีใต้ประมาณ 28,500 นาย และรัฐบาลเปียงยางก็ยื่นเงื่อนไขมาโดยตลอดว่าอเมริกาต้องถอนทหารทั้งหมดออกไป หากต้องการให้โสมแดงยกเลิกโครงการอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธ
อย่างไรก็ตาม ถ้อยแถลงร่วมระหว่าง มุน และ คิม เมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องการถอนทหารอเมริกัน โดยผู้นำทั้งสองเพียงแต่ให้คำมั่นว่าจะทำให้คาบสมุทรเกาหลี “ปลอดจากอาวุธนิวเคลียร์อย่างสมบูรณ์แบบ”
สหรัฐฯ ส่งทหารเข้ามาผลัดเปลี่ยนประจำการในเกาหลีใต้ตั้งแต่สงครามเกาหลีถูกระงับไว้ด้วยข้อตกลงหยุดยิงเมื่อปี 1953 ซึ่งทำให้สองเกาหลียังคงมีสถานะเป็น “คู่สงคราม” ในทางเทคนิค
มุน และ คิม ยืนยันตรงกันว่าต้องการให้ความขัดแย้งระหว่างสองเกาหลีสิ้นสุดลงเสียที และ “จะไม่มีสงคราม” บนคาบสมุทรแห่งนี้อีกต่อไป