เอพี/เอเจนซีส์ – หลังจากกลับเข้าสู่การเจรจาภาคบ่าย พบว่าผู้นำเกาหลีทั้ง 2 ชาติได้ร่วมการปลูกต้นสนมิตรภาพปี 1953 ซึ่งเป็นปีสิ้นสุดสงครามเกาหลีร่วมกัน และออกเดินเล่นภายในสวนของหมู่บ้านปันจอมมุน ก่อนนั่งหารือลับสองต่อสองต่อนานกว่า 20 นาที ด้านจีนออกแถลงการณ์กล่าวชื่นชมซัมมิตที่เกิดขึ้น ชี้เป็นก้าวย่างไปสู่สันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลี ด้านรัฐมนตรีกลาโหมญี่ปุ่นแถลง ต้องการเห็นผลซัมมิตคืบหน้าไปสู่โครงการอาวุธนิวเคลียร์และปัญหาพลเมืองญี่ปุ่นถูกลักพาตัว
เอพีรายงานวันนี้(27 เม.ย)ว่า กระทรวงต่างประเทศจีนได้ออกแถลงการณ์แสดงความชื่นชมถึงการประชุมสุดยอดผู้นำครั้งประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้น โดยกล่าวว่าขอแสดงความชื่นชมที่ผู้นำของทั้ง 2 ประเทศในก้าวย่างแห่งประวัติศาสตร์ที่นำไปสู่สันติภาพในท้ายที่สุด
โดยโฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน ฮัว ชุนยิง (Hua Chunying) ได้กล่าวต่อนักข่าวในรายงานการสรุปประจำวันว่า ทางปักกิ่งตั้งความหวังว่า การหารือที่เกิดขึ้นระหว่างประธานาธิบดีเกาหลีเหนือ คิม จองอึน และประธานาธิบดีเกาหลีใต้ มุน แจ-อิน จะสามารถนำไปสู่ผลลัพธ์ที่สร้างสรรค์
ในการนี้ฮัวได้อ้างไปถึงคำกล่าวกวีชื่อดังของจีน ลู ซุน( Lu Xun )ที่กล่าวว่า “หลังจากที่ผ่านความบอบช้ำมาแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างพี่ชายน้องชายยังคงปรากฏ พร้อมกับรอยยิ้ม ขอให้ลืมหนี้บุญคุณและความแค้น”
และในแถลงการณ์ ฮัวยังกล่าวต่อว่า ทางจีนจะขอใช้โอกาสจากการประชุมซัมมิตนี้ในการขยายไปสู่การเดินทางใหม่ของสันติภาพในระยะยาวและความมีเสถียรภาพบนคาบสมุทร”
ด้านรัฐมนตรีกลาโหมญี่ปุ่น อิตซูโนริ โอโนเดระ(Itsunori Onodera) อ้างอิงจากเดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ กล่าวถึงการประชุมซัมมิตระหว่างคิมและมุนว่า เขาหวังว่าผลซัมมิตจะนำไปสู่ความคืบหน้าต่อโครงการอาวุธมิสไซล์และนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ และผลต่อพลเมืองญี่ปุ่นที่ถูกรัฐบาลเกาหลีเหนือลักพาตัวไปในช่วงยุคสงครามเย็น
และยังย้ำว่าทางญี่ปุ่นจะเฝ้าจับตาถึงสัญญาณอย่างใกล้ชิดที่มาจากเกาหลีเหนือในการลงมือปฎิบัติต่อปัญหาเหล่านี้ ผู้นำกลาโหมแดนอาทิตย์อุทัยให้ความเห็น
เอพีชี้ว่าผู้นำทั้ง 2 จะกลับเข้าสู่การเจรจาอีกครั้งหลังจากที่มีการปลูกต้นสนมิตรภาพร่วมกัน ซึ่งทางสำนักงานประธานาธิบดีเกาหลีใต้แถลงว่า ทั้งมุนและคิมจะร่วมกันแถลงความสำเร็จของผลการหารือก่อนที่จะมีงานเลี้ยงอาหารร่วมกันของทั้ง 2 ชาติเกาหลีซึ่งมีกำหนดขึ้นในเวลา 18.30 น.
โดยในเวลา 16.45 น. พบว่าทั้งคิมและมุนได้ร่วมกันปลูกต้นสนที่ระลึกขึ้นภายในหมู่บ้านเพื่อเป็นสัญลักษณ์ถึงสันติภาพที่กำลังจะเกิดขึ้นบนคาบสมุทรเกาหลี โดยศิลาที่จะประดับบริเวณต้นสนมีข้อความว่า “สันติภาพและความมั่งคั่งได้ถูกปลูกไว้” ซึ่งต้นสนนี้มีอายุย้อนไปถึงปี 1953 ซึ่งเป็นช่วงปีที่สิ้นสุดสงครามเกาหลี โดยดินและน้ำถูกนำมาจากที่ต่างๆของเกาหลี
เอพีชี้ว่า หลังจากที่มีการปลูกต้นไม้ร่วมกันแล้ว ผู้นำทั้งสองได้ใช้เวลาส่วนตัวตามลำพังร่วมกันเดินไปตามสะพานเล็กๆภายในสวนและนั่งลงสนทนาส่วนตัวเป็นเวลานานกว่า 20 นาที ซึ่งก่อนหน้าทางสำนักงานประธานาธิบดีเกาหลีใต้แถลงว่า มุนมีความรู้สึกพึงพอใจในการหารือในรอบเช้าที่ได้เสร็จสิ้น
และทั้งคู่ได้ลงนามในร่างแถลงการณ์ร่วมซึ่งมีการสวมกอดและชูมือให้กัน และได้มีการขึ้นกล่าวในแถลงการณ์ร่วมหลังจากนั้นอันเป็นสัญลักษณ์ในการปิดการประชุมซัมมิตระหว่าง 2 ชาติเกาหลี
ด้านเดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ รายงานสถานการณ์ความคืบหน้าการประชุมสุดยอดผู้นำเกาหลีก่อนหน้าว่า บรรดาสื่อมวลชนเกาหลีใต้ต่างรายงานว่า ในเวลานี้เจ้าหน้าที่จากทั้ง 2 ชาติเกาหลีกำลังอยู่ในระหว่างการจัดทำแถลงการณ์ร่วมของทั้งเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ ซึ่งจะถูกลงนามโดยประธานาธิบดีคิม จองอึน และประธานาธิบดีมุน แจ-อิน ในภายหลัง และจะมีการอ่านหลังจากการประชุมซัมมิตได้เสร็จสิ้นลง
ซึ่งผู้นำทั้งสองจะกลับคืนสู่โต๊ะเจรจาอีกครั้งวันนี้(27)ภาคบ่ายในเวลา 16.30 น. และจะร่วมกันปลูกต้นไม้สันติภาพก่อนที่งานเลี้ยงอาหารค่ำจะเริ่มต้นขึ้นในเวลา 18.30 น.
ในการหารือรอบเช้าที่เพิ่งเสร็จสิ้นไปในเวลาราว 12.05 น.ตามเวลาท้องถิ่นอ้างการรายงานจากเอพี ทางสื่ออังกฤษชี้ว่า นอกเหนือจากผู้นำคิมจากเกาหลีเหนือที่เข้าร่วมแล้ว พบว่า น้องสาวของผู้นำเกาหลีเหนือ คิม โย จอง(Kim Yo Jong) ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมอยู่ด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของผู้นำคิมที่มีในตัวของเธอ
เพราะพบว่านอกเหนือจากการประชุมซัมมิตครั้งนี้ ในการเยือนประธานาธิบดีจีน สี จิ้น ผิง ที่มีการร่วมหารือระหว่างสี และคิม พบว่า คิม โย จอง ได้รับอนุญาตให้เดินทางไปด้วย และเป็นที่เชื่อกันว่า ในการประชุมซัมมิตที่จะมีขึ้นกับผู้นำสหรัฐฯในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมหรือเดือนมิถุนายน น้องสาวของประธานาธิบดีเกาหลีเหนือผู้นี้ คาดว่าอาจจะนั่งร่วมอยู่ในการประชุมครั้งสำคัญ
ด้านโซลออกแถลงการณ์ถึงการประชุมในรอบเช้าระหว่างประธานาธิบดีคิม จองอึน และประธานาธิบดีมุน แจ-อินของเกาหลีใต้ว่า เกิดขึ้นทั้งหมดในเวลารวม 100 นาทีเต็ม
ซึ่งทางโฆษกประธานาธิบดีมุน ยุน ยังน์-ชาน(Yoon Yougn-chan)แถลงว่า การหารือในระยะเวลา 100 นาทีนั้นเต็มไปด้วย “ความจริงใจ” และ “ความตรงไปตรงมา” สำหรับการประชุมถึงการปลอดจากอาวุธนิวเคลียร์ หนทางที่จะนำไปสู่สันติภาพถาวรและการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างทั้ง 2 ชาติได้มีการถกเถียงด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เดอะการ์เดียนชี้ว่า ในการประชุมรอบเช้า โฆษกผู้นำเกาหลีใต้ชี้ว่า ประธานาธิบดีมุนถูกผู้นำเกาหลีเหนือถามถึง “พวกเกาหลีเหนือแปรพักตร์” ท่ามกลางผู้คนที่คาดหวังถึงผลสำเร็จของการประชุมซัมมิตเพื่อที่จะเยียวยาและพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ชาติเกาหลี
“เราควรให้ความสำคัญถึงโอกาสที่หายากเช่นนี้ เพื่อให้บาดแผลระหว่างทางใต้และทางเหนือสามารถสมานได้” รายงานคำกล่าวของประธานาธิบดีคิม และกล่าวต่อว่า “เส้นกั้นพรมแดนนั้นไม่สูงเท่าใด มันจะถูกลบออกไปในท้ายที่สุดหากว่ามีคนจำนวนมากข้ามผ่าน”
ทั้งนี้มีรายงานว่าภริยาผู้นำเกาหลีเหนือ เหนือ รี โซล-จู (Ri Sol-ju) จะเช้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำที่จะถูกจัดขึ้นหลังการประชุมเสร็จสิ้นในเวลา 18.15 น. ตามเวลาท้องถิ่น
เอพีรายงานก่อนหน้าในวันนี้(27 เม.ย)ว่า ท่ามกลางเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา ประธานาธิบดีเกาหลีเหนือคิม จองอึนปรากฎตัวบริเวณอาคารในทางฝั่งเกาหลีเหนือตรงกันข้ามกับหมู่บ้านปันจอมมุน ซึ่งตั้งอยู่ในฝั่งเกาหลีใต้ อันเป็นสถานที่สำหรับการประชุมซัมมิตผู้นำ 2 ชาติเกาหลี ซึ่งได้มีขึ้นวันนี้(27 เม.ย)
พบว่าในเวลา 09.30 น. ผู้นำคิมข้ามเส้นแบ่งพรมแดน DMZ เข้ามาในเกาหลีใต้ ซึ่งมีประธานาธิบดีเกาหลีใต้ มุน แจ-อิน คอยยืนรอต้อนรับ เอพีรายงานว่ามุนเดินทางออกจากทำเนียบสีน้ำเงินในเวลา 08.20 น. ตามเวลาท้องถิ่นเพื่อเดินทางมายังหมู่บ้านปันจอมมุนแห่งนี้
เอพีรายงานบรรยากาศขณะที่มุนไปถึงหมู่บ้านสันติภาพ ซึ่งหลังจากที่เขาเดินออกมาจากรถลีมูซีนสีดำสนิทแล้ว ได้พบกับการต้อนรับจากผู้สนับสนุนจำนวนหลายร้อยคนที่ตบมือและโบกธงชาติเกาหลีใต้อย่างคึกคัก พร้อมกับมีป้ายผ้าข้อความว่า “ขอทำให้การปลดอาวุธนิวเคลียร์สำเร็จ”
ซึ่งในการเดินทางข้ามเส้นแบ่งพรมแดนของผู้นำเกาหลีเหนือในวันนี้(27) เอพีชี้ว่า ประธานาธิบดี คิม จองอึนได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับ 2 ชาติเกาหลี กลายเป็นผู้นำเปียงยางคนแรกนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามเกาหลีปี 1953 ด้วยการเดินทางเข้ามาในฝั่งใต้ พบว่าบรรยากาศเต็มไปด้วยความชื่นมื่น ผู้นำทั้งสองทักทายด้วยการจับมือและส่งยิ้มให้แก่กัน
ทั้งนี้พบว่าในเวลา 10.20 น.ผู้นำคิมแห่งเปียงยางได้ร่วมลงนามในสมุดลงนามเยียมของหมู่บ้านสันติภาพปันจอมมุน โดยกล่าวว่า “และในเวลานี้ประวัติศาสตร์ได้เริ่มขึ้นแล้ว ที่จุดเริ่มต้นของช่วงเวลาสันติภาพแห่งประวัติศาสตร์” และหวังว่าจะมีสันติภาพเกิดขึ้นระหว่าง 2 ชาติเกาหลี
ก่อนหน้าที่จะมีการหารือเกิดขึ้นทางฝั่งโซลประกาศว่า ในการประชุมซัมมิตจะมีการหารือในประเด็นที่จะนำไปสู่การที่เกาหลีเหนือปลอดอาวุธนิวเคลียร์ และเริ่มต้นการมีความสัมพันธ์ในเชิงสันติภาพกับรัฐบาลเปียงยาง
ด้านสหรัฐฯได้ออกแถลงการณ์ถึงการประชุมซัมมิตครั้งประวัติศาสตร์ว่า ทางทำเนียบขาวหวังว่าการประชุมจะประสบความสำเร็จด้วยดีด้วยผลที่จะมุ่งไปสู่สันติภาพ “ตั้งความหวังว่าการเจรจาที่จะมีข้ำจสามารถทำให้มีผลที่จะนำไปสู่สันติภาพและความมั่งคั่งของทั้งคาบสมุทรเกาหลี”
และในแถลงการณ์ยังกล่าวต่อว่า ทางสหรัฐฯยังคงคาดหวังในการเจรจาหารือครั้งสำคัญในการเตรียมตัวในกำหนดการประชุมซัมมิตระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ และผู้นำเกาหลีเหนือ
เอพีชี้ว่า ดูเหมือนว่าในการเริ่มต้นก่อนเปิดฉากหารหารือระหว่างคิมและมุนนั้น ดูเหมือนผู้นำทั้ง 2 ชาติมีความใกล้ชิด เพราะดูเหมือนประธานาธิบดีเกาหลีเหนือจะกล่าวติดตลกกับผู้นำเกาหลีใต้ว่า หวังว่ามุนจะชอบรสของบะหมี่เย็นเกาหลีเหนือที่ถูกนำเข้าไปหลังจากงานเลี้ยงที่จะมีขึ้นหลังการประชุมซัมมิตแล้ว และผู้นำเกาหลีเหนือหันไปทางน้องสาว คิม โย จอง(Kim Yo Jong) ที่นั่งข้างๆ พร้อมกับกล่าวว่า “บางที่ผมไม่ควรคิดว่ากรุงเปียงยางนั้นอยู่ไกลจนเกินไป”
นอกจากนี้ประธานาธิบดีคิมยังกล่าวขอบคุณประธานาธิบดีมุนในการต้อนรับตัวเขาและคณะที่สถานที่ประวัติศาสตร์แห่งนี้ และทำให้มุนกล่าวตอบไปว่า ถือเป็นการตัดสินใจอย่างกล้าหาญของคิมที่เดินทางข้ามเข้ามาในฝั่งใต้ ในเวลา 11.45 น. การประชุมหารือซัมมิตแบบปิดลับยังดำเนินต่อไป
เอพีรายงานว่าการประชุมภาคเช้าเสร็จสิ้นลงในเวลา 12.05 น. ตามเวลาท้องถิ่น โดยสถานทีโทรทัศน์เกาหลีใต้แสดงภาพเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของผู้นำเกาหลีเหนือ อ้างอิงจากสื่ออังกฤษพบว่ามีราว 12 คนอยู่ในชุดสูทสีดำและผูกเนคไทอย่างมีระเบียบ วิ่งเหยาะไปข้างๆกับรถลีมูซีนสีดำของคิม ที่จะนำผู้นำเกาหลีเหนือกลับไปรับประทานอาหารกลางวันที่อาคารในฝั่งเกาหลีเหนือ ซึ่งหลังจากเสร็จสิ้นการรับประทานอาหาร ผู้นำทั้งสองจะกลับมาพบกันอีกครั้งที่หมู่บ้านปันจอมมุนฝั่งเกาหลีใต้
เดอะการ์เดียนรายงานเพิ่มเติมว่า โซลได้ออกแถลงการณ์กล่าวว่า ผู้นำเกาหลีเหนือได้กล่าวขอโทษประธานาธิบดีมุนของเกาหลีใต้ที่ ต้องทำให้ผู้นำเกาหลีใต้ตื่นจากการนอนหลับในการทดสอบขีปนาวุธของเกาหลีเหนือในปีที่ผ่านมา "ทางเราจะไม่รบกวนการนอนหลับในช่วงเช้าของคุณอีกต่อไป" คิมกล่าว
ซึ่งถือเป็นคำมั่นสัญญาอีกครั้งของเกาหลีเหนือที่จะทำการพักการทดสอบขีปนาวุธและนิวเคลียร์ของตัวเองชั่วคราว สื่ออังกฤษชี้ และอ้างจากสำนักข่าวในเกาหลีใต้ ทางประธานาธิบดีมุนกล่าวให้ความเห็นถึงการเจรจาในรอบเช้าว่า "เป็นการหารือที่ดี" และกล่าวต่อว่า "เป็นเสมือนของขวัญที่พิเศษให้กับโลก"