xs
xsm
sm
md
lg

In Clips :ฮือฮา! กรุงเทพฯ ติดโผ 9 สถานที่ลุ้นจัดประชุมลับ“ทรัมป์-คิม”–ผู้นำมะกันอยากซัมมิตแบบมีแค่ล่ามแปล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ – สื่อนอกรายงาน 9 สถานที่ทั่วโลก ที่ได้ลุ้นจัดการประชุมครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างผู้นำสหรัฐฯ และเกาหลีเหนือ พบ 3 ใน 9 แห่งอยู่ในเอเชีย กรุงเทพฯ สิงคโปร์ และกรุงอูลานบาตาร์ของมองโกเลีย นอกเหนือจากกรุงปราก เมืองเจนีวา กรุงเฮลซิงกิ กรุงสตอกโฮล์ม กรุงออสโล และกรุงวอร์ซอว์ อย่างไรก็ตาม ทั้งทรัมป์ และผู้นำเกาหลีเหนือชี้ว่า มีความเห็นโน้มเอียงไปที่ “สวีเดน” และ “สวิตเซอร์แลนด์” สำหรับการจัดหารือครั้งแรก ด้านสื่อโชซุน อิลโบ เกาหลีใต้ชี้ ผู้นำสหรัฐฯอยากพบคิม จองอึนแบบมีแค่ล่ามแปลอยู่ในห้องประชุมเท่านั้น

หนังสือพิมพ์สเตรทไทม์สของสิงคโปร์รายงานเมื่อวานนี้(18 เม.ย)ว่า ผู้นำสหรัฐฯได้เอ่ยถึงสถานที่จัดการประชุม 5 แห่งจากทั้งหมดกำลังอยู่ในการพิจารณาถึงความเหมาะสมในการเป็นสถานที่จัดการประชุมสุดยอดผู้นำสหรัฐฯ-เกาหลีเหนือครั้งแรก ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นได้ในช่วงต้นมิถุนายน หรือก่อนหน้า

ซึ่งในวันอังคาร(17) ที่บ้านพักส่วนตัวมารอาลาโก (Mar-a-Lago) ซึ่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ใช้ต้อนรับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ชินโซ อาเบะ เขาไม่ได้กล่าวเจาะจงไปถึงสถานที่จัดการประชุมเหล่านั้น

แต่ทว่าบุคคลใกล้ชิดในการหารือได้เปิดเผยว่า การหารือร่วมกับผู้นำเกาหลีเหนือ ประธานาธิบดี คิม จองอึน คาดว่า น่าจะเกิดขึ้นทั้งในเจนีวา และที่อื่นๆทั้งในเอเชีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวย้ำว่า ***จะไม่รวมไปถึง กรุงปักกิ่ง กรุงเปียงยาง กรุงโซล และหมู่บ้านปันจอมมุน*** ซึ่งสถานที่หลังจะเป็นที่หารือครั้งแรกระหว่างประธานาธิบดีเกาหลีใต้ มุน แจ อิน และผู้นำคิมของเปียงยางในวันที่ 27 เม.ย ที่จะถึง ซึ่งเป็นการพบหน้าครั้งแรกของ 2 ชาติผู้นำ

ทั้งนี้หนังสือพิมพ์สเตรทไทม์สได้ให้รายชื่อสถานที่ 9 แห่งที่มีความน่าจะเป็นว่าจะเป็นสถานที่จัดการประชุม ซึ่งเป็นที่น่าแปลกใจว่า กรุงเทพฯติดโผอยู่ในรายชื่อด้วยเช่นกัน

กรุงเทพฯ - สถานทูตสหรัฐฯประจำกรุงเทพฯถูกขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในที่ทำการทางการทูตที่ใหญ่ที่สุดในโลกของสหรัฐฯ และอีกทั้งกรุงเทพฯยังเป็นอีกหนึ่งในไม่กี่ประเทศในโลกที่มีที่ตั้งทำการของสถานทูตเกาหลีเหนือ

นอกจากนี้ CNN สื่อสหรัฐฯรายงานว่า จากการที่กรุงเทพฯยังอยู่ในระหว่างการปกครองที่มาจากผู้นำซึ่งยึดอำนาจ อาจสร้างความอุ่นใจให้กับทางเกาหลีเหนือ ทว่าแหล่งข่าวใกล้ชิดของสหรัฐฯชี้ว่า "(กรุงเทพฯ)ไม่ถูกจัดในสถานที่เป้าหมายระดับสูง แต่เป็นตัวเลือกที่เป็นกลางในลำดับที่ 3 เท่านั้น"

เจนีวา –เมืองแห่งการทูตของโลกที่ถือได้ว่าเป็นกลาง ซึ่งเคยจัดการประชุมทางการทูตมาทุกระดับแล้ว โดยเฉพาะในปี 1955 ที่ทางเมืองเจนีวาเป็นสถานที่จัดการประชุมระหว่างสหรัฐฯ อดีตสหภาพโซวียต อังกฤษ และฝรั่งเศส และอีกทั้งประธานาธิบดีเกาหลีเหนือคนปัจจุบันได้เคยอาศัยและศึกษาอยู่ในสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งประเทศแดนนาฬิกาเป็น 1 ใน 2 ของสถานที่เชื่อว่าน่าจะมีการจัดประชุมที่อาจเกิดขึ้นจริง

กรุงเฮลซิงกิ – ทั้งนี้พบว่าเมื่อไม่นานมานี้กรุงเฮลซิงกิ ของฟินแลนด์ถูกใช้เป็นที่หารือระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีเหนือ รี ยอง-โฮ(Ri Yong Ho) และตัวแทนจากสหรัฐฯและเกาหลีใต้ เกิดขึ้นหลังจากที่ผู้นำสหรัฐฯตอบรับคำเชิญเข้าร่วมการประชุมกับประธานาธิบดี คิม จองอึน

สิงคโปร์ – ถือเป็นสถานที่ได้ชื่อว่าเป็นกลางจากการที่ประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง เคยใช้เพื่อพบปะหารือกับอดีตประธานาธิบดีไต้หวัน หม่า อิงจิ่ว (Ma Ying-jeou) และอีกทั้งสิงคโปร์ยังมีความสัมพันธ์ทางการทูตกับทั้งสหรัฐฯและเกาหลีเหนือ

สตอกโฮล์ม – เมืองหลวงของสวีเดน เป็น 1 ใน 2 ของสถานที่ทั้งหมดที่เชื่อว่าน่าจะมีการจัดการประชุมเกิดขึ้นจริงตามความเห็นของสเตรทไทม์ส ทั้งนี้สวีเดนมีสถานทูตอยู่ในกรุงเปียงยาง และเป็นตัวกลางจัดการผลประโยชน์ของสหรัฐฯในเกาหลีเหนือ ซึ่งพบว่า รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีเหนือ รี ยอง-โฮ(Ri Yong Ho) เดินทางมาเยือนสวีเดนเมื่อเดือนมีนาคม ก่อนที่จะเดินทางต่อไปยังฟินแลนด์หลังจากนั้น ทั้งนี้สวีเดนได้ขึ้นชื่อว่าเป็นช่องทางการสื่อสารระหว่างสหรัฐฯและเกาหลีเหนือ

กรุงออสโล – เมืองหลวงของนอร์เวย์ถูกเป็นที่จัดการประชุมในระดับตัวแทนเจ้าหน้าที่สหรัฐฯและเจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือเมื่อพฤษภาคม 2017 สำหรับรายละเอียดการปล่อยตัวนักโทษสหรัฐฯที่ถูกจับในเกาหลีเหนือ ออตโต วอร์มเบียร์(Otto Warmbier) ซึ่งพบว่าวอร์มเบียร์เสียชีวิตลงในเวลา 1 สัปดาห์หลังจากถูกส่งตัวกลับถึงบ้าน

กรุงปราก – ลุงของผู้นำเกาหลีเหนือ คิม พยอง อิล( Kim Pyong Il) ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำที่สาธารณรัฐเชกแห่งนี้

กรุงวอร์ซอว์ – เกาหลีเหนือมีสถานทูตที่กว้างขวางใหญโตในเมืองหลวงของโปแลนด์ และอีกทั้งในปี 2017 ที่แห่งนี้ยังเป็นสถานที่ผู้นำสหรัฐฯเลือกที่จะกล่าวแสดงสุนทรพจน์ครั้งสำคัญครั้งแรกในยุโรป

กรุงอูลานบาตาร์ – เมืองหลวงของมองโกเลีย ประเทศที่ไม่มีทางออกติดทะเลและมีพรมแดนเชื่อมกับทั้งรัสเซียและจีน ในขณะที่มองโกเลียมีความสัมพันธ์ทางการทูตกับทั้งสหรัฐฯและเกาหลีเหนือ ซึ่งหากถูกรับเลือกให้เป็นสถานที่จัดการประชุม ผู้นำคิมสามารถเดินทางด้วยทางรถไฟขบวนพิเศษมายังที่จัดการประชุมได้โดยง่าย โดยพิจารณาจากรายงานล่าสุดที่เปิดเผยว่า ทางเกาหลีเหนือยังไม่มีเครื่องบินที่มีสมรรถนะในการเดินทางระยะไกล

CNN ชี้ว่า แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่สหรัฐฯชี้แจงว่า เหตุที่เมืองหลวงของมองโกเลียติดอยู่ในโผรายชื่อเนื่องมาจากปัจจัยที่ความต้องการของผู้นำคิมว่า จะเลือกเดินทางได้ไกลมากเพียงใดทั้งทางรถไฟและทางเครื่องบิน

"สถานที่แห่งนี้ถือเป็นจุดที่ได้เปรียบสำหรับทางเกาหลีเหนือ เป็นรัฐที่มีความสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือมานานร่วมครึ่งศตวรรษ และจากสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน อาจส่งสัญญาณได้ว่า อาจกลายเป็นเกาหลีเหนือในอนาคต"

อย่างไรก็ตาม ในรายงานล่าสุดวันนี้(19)ของหนังสือพิมพ์สเตรทไทม์ส์ ได้ขึ้นหน้าข่าวว่า “ผู้นำของทั้ง 2 ชาติ ดูเหมือนที่จะให้ความสนใจในการจัดการประชุมไปที่สวีเดนหรือไม่ก็สวิตเซอร์แลนด์มากที่สุด” ในขณะที่หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์รายงานเมื่อวานนี้(18)ว่า “พบฉันที่มองโกเลีย เครื่องบินอายุเก่าแก่อาจชี้นำสถานที่จัดการประชุมทรัมป์-คิมได้อย่างไร”

โดยในรายงาน ทางหนังสือพิมพ์สหรัฐฯชี้ไปถึงจุดที่ว่า เป็นที่รู้ว่าผู้นำคิมมีเครื่องบิน แต่เป็นเครื่องบินรุ่นเก่า และนับตั้งแต่การเข้ารับตำแหน่งในปี 2011 ไม่ปรากฎต่อสาธารณะว่า เขาเคยเดินทางออกนอกประเทศทางอากาศ “ทางเรารู้มาว่าเขามีเครื่องบิน แต่เป็นเครื่องรุ่นเก่า” ซู ไม เทอร์รี (Sue Mi Terry) อดีตนักวิเคราะห์ข้อมูลประจำ CIA และผู้ช่วยประจำสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯด้านเกาหลีเหนือ

เทอร์รีกล่าวต่อว่า “ไม่มีใครรู้จริงๆว่า เครื่องบินลำนี้ยังบินได้อยู่หรือเปล่า”

ด้านสื่อสิงคโปร์รายงานต่อโดยอ้างจากการรายงานของสื่อเกาหลีใต้ โชซุน อิลโบ(Chosun Ilbo)ที่เผยแพร่วันนี้(19) จากแหล่งข่าวทางการทูตที่มากกว่า 1 ปากกว่า *** ดูเหมือนทรัมป์จะมีแนวคิดต้องการพบกับผู้นำเกาหลีเหนือแบบสองต่อสอง โดยที่จะมีแค่เฉพาะล่ามแปลเท่านั้น***

แต่อย่างไรก็ตาม ทำเนียบขาวยังไม่ได้ให้ความเห็นในกรณีนี้

โดยในรายงานชี้ว่า ผู้นำสหรัฐฯเชื่อว่าการจำกัดจำนวนผู้ที่อยู่ร่วมในการหารือจะสามารถทำให้การประชุมหารือครั้งแรกบรรลุผลได้อย่างที่ต้องการ

ซึ่งนี่เป็นการสะท้อนตัวตนของผู้นำสหรัฐฯที่ต้องการให้ตัวเองเป็นจุดสนใจแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น สเตรทไทม์สชี้





กำลังโหลดความคิดเห็น