เอเจนซีส์/เอเอฟพี - กลุ่มเคลื่อนไหวการเมืองซ้ายฟิลิปปินส์บุกเดินขบวนประท้วงการเยือนฟิลิปปินส์ครั้งแรกของผู้นำสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นป้ายผ้าหรา “ต้านเผด็จการจักรวรรดิอเมริกา ไม่เอาพวกปล้นสะดมเข้าประเทศ” การประท้วงกลายเป็นความรุนแรง ด้านผู้นำฟิลิปปินส์ โรดริโก ดูเตอร์เต เปิดใจวันอาทิตย์ (12 พ.ย.) เชื่อสนิท ผู้นำสหรัฐฯ ไม่เอาปัญหาสิทธิมนุษยชนเข้าหารือ หลังพบหน้าในกลางประชุมเอเปกในเมืองดานัง เวียดนามวันเสาร์ (11) ชี้ ทรัมป์ชมเปาะสงครามปราบยาเสพติดปินส์ใช้ได้
CNN สื่อสหรัฐฯ รายงานเมื่อวานนี้ (11 พ.ย.) ว่าการปะทะเกิดขึ้นระหว่างตำรวจปราบจลาจลฟิลิปปินส์ และกลุ่มผู้สนับสนุนการเมืองฝ่ายซ้ายมะนิลาที่พบว่ามีจำนวนหลายร้อยคนเปิดฉากการเดินขบวนประท้วงบริเวณด้านหน้าสถานทูตสหรัฐฯ กลางกรุงมะนิลาจำนวนหลายร้อยคนในวันเสาร์ (11)
พบว่าองค์กรที่อยู่เบื้องหลังการประท้วงครั้งนี้คือ บากอง อัลยันซัง มาคาบายัน (Bagong Alyansang Makabayan) หรือบายัน (Bayan) แห่งมินดาเนา พยายามที่จะให้กลุ่มผู้ประท้วงเข้าใกล้ตัวสถานทูตสหรัฐฯให้มากที่สุด แต่ถูกแผงกำแพงตำรวจปราบจลาจลฟิลิปปินส์ที่มีโล่เป็นอาวุธขวางไว้
โดยเจ้าหน้าที่กล่าวว่า ในการประท้วงครั้งนี้ไม่มีผู้เข้าร่วมได้รับบาดเจ็บ
ในขณะที่กลุ่มที่จงรักภักดี ประกอบไปด้วยชนเผ่าพื้นเมือง และกลุ่มโมโร (Moro group) ต่างพากันเผาป้ายที่มีภาพประธานาธิบดีสหรัฐฯเพื่อแสดงความไม่พอใจ
CNN ชี้ว่า คนเหล่านี้อ้างว่า กองกำลังสหรัฐฯ ได้กระทำการละเมิดสิทธิมนุษยชนในมินดาเนา
โดยตามกำหนด ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ต้องเดินทางมายังกรุงมะนิลาในวันอาทิตย์ (12 พ.ย.) เพื่อร่วมการประชุมอาเซียนซัมมิตครั้งที่ 31
และในวันเสาร์ช่วงบ่าย (11) พบว่า กลุ่มเยาวชนฟิลิปปินส์ภายใต้การนำของ เอนัคบายัน (Anakbayan) ได้เดินเท้าไปที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติฟิลิปปินส์ PICC หนึ่งในสถานที่ซึ่งจะมีการจัดการประชุมอาเซียนซัมมิต โดยทางสื่อสหรัฐฯ ชี้ว่า การประท้วงที่เกิดขึ้นทั้ง 2 จุด เรียกร้องให้รัฐบาลฟิลิปปินส์แบนผู้นำสหรัฐฯ
เดลีเมล์สื่ออังกฤษรายงานว่า การประท้วงของกลุ่มการเมืองปีกซ้ายหน้าสถานทูตสหรัฐฯประจำฟิลิปปินส์ ค่อนข้างดุเดือด ต่างถือธงและป้ายสีแดง พร้อมข้อความ “ต้านเผด็จการจักรวรรดิอเมริกา ไม่เอาพวกปล้นสะดมเข้าประเทศ”
ทั้งนี้ พบว่ากลุ่มผู้ต่อต้านสงครามเหล่านี้เกรงว่า ทรัมป์ต้องการเรียกร้องที่จะได้ฐานทัพในฟิลิปปินส์มากขึ้นสำหรับกองกำลังสหรัฐฯในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และจะลากฟิลิปปินส์เข้าสู่สงครามกับเกาหลีเหนืออย่างช่วยไม่ได้ ซึ่งทรัมป์กับผู้นำฟิลิปปินส์ โรดริโก ดูเตอรเต มีโอกาสพบกันแล้วในวันเสาร์ (11) ที่การประชุมเอเปก ที่ถูกจัดขึ้นในเมืองดานัง เวียดนาม
เอเอฟพีรายงานเพิ่มเติมวันนี้ (12) ว่า ดูเตอร์เตกล่าวให้ความเห็นในวันอาทิตย์ (12) ว่า เขาเชื่อมั่นว่าผู้นำสหรัฐฯจะไม่นำปัญหาสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นเสมือนชนักติดหลังผู้นำฟิลิปปินส์ในเวลานี้เข้าสู่โต๊ะเจรจา
เอเอฟพีชี้ว่า เครื่องบินแอร์ฟอร์ซวันของผู้นำสหรัฐฯมีกำหนดที่จะลงจอดในกรุงมะนิลาในช่วงค่ำวันนี้ (12) หลังจากเสร็จสิ้นการร่วมประชุมเอเปคเป็นเวลา 2 วันก่อนหน้า โดยกลุ่มสิทธิมนุษยชนต่างๆ พากันคาดหวังว่าผู้นำสหรัฐฯ จะใช้โอกาสนี้ทำการกดดันดูเตอร์เตในปัญหาสงครามยาเสพติดของผู้นำฟิลิปปินส์ ที่ทำให้คนจำนวนหลายพันคนต้องเสียชีวิต
แต่อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์กล่าวอย่างมั่นใจว่า กลุ่มสิทธิมนุษยชนทั้งหลายคงต้องผิดหวัง เพราะเมื่อเขาพบกับผู้นำสหรัฐฯ ในการประชุมเอเปก ทรัมป์ได้กล่าวให้กำลังใจเขาต่อโครงการนี้ ในช่วงระหว่างการหารือนอกรอบแบบสั้นๆ
โดยดูเตอร์เตกล่าวว่า “เขาเหมือนกล่าวว่า คุณรู้ไหม คุณจัดการได้ดีมาก” ดูเตอร์เตให้สัมภาษณ์กับกองทัพนักข่าวในช่วงเช้าวันอาทิตย์ (12) ที่กรุงมะนิลา หลังเดินทางกลับมาจากเวียดนามแล้ว
และยังยืนยันต่ออย่างมั่นใจว่า “ทรัมป์จะไม่หยิบยกขึ้นพูดอย่างแน่นอน” เมื่อกลุ่มกองทัพนักข่าวถามถึงปัญหาการวิสามัญและฆ่าล้างตัดตอนในโครงการปราบปรามยาเสพติด
เอเอฟพีรายงานว่า ในวันเสาร์ (11) องค์การนิรโทษสากลได้ออกมากดดันให้ผู้นำสหรัฐฯ ทำการกดดันฟิลิปปินส์ในระหว่างการหารือระดับทวิภาคี ซึ่งมีกำหนดที่จะเริ่มในวันจันทร์ (13)