xs
xsm
sm
md
lg

พบลำแสงปริศนากลางพายุ ชาวเน็ตเชื่อเป็น “HAARP” โครงการลับควบคุมธรรมชาติของสหรัฐฯ! (ชมคลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online



เดลิสตาร์ - สื่อสังคมออนไลน์เผยแพร่คลิปพิศวง ลำแสงประหลาดสีส้มปรากฏอยู่ท่ามกลางพายุฝนฟ้าคะนอง ภาพที่กระพือสมมติฐานต่างๆ นานา ไม่ว่าจะเป็นแสงจากยานบินมนุษย์ต่างดาว(ยูเอฟโอ) หรือแม้กระทั่งเป็นโครงการลับของรัฐบาลสหรัฐฯ HAARP

ภาพเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นภาพบันทึกโดยมิสเตอร์ฉาง ผู้โดยสารของเครื่องบินลำหนึ่งที่กำลังบินฝ่าพายุฝนฟ้าคะนอง ขณะเดินทางจากแอตแลนตามุ่งหน้าสู่ลาสเวกัส ในสหรัฐฯ

รายงานข่าวระบุว่า ผู้โดยสารรายนี้สังเกตเห็ตสิ่งผิดปกติ หลังสะดุ้งตื่นขึ้นจากสภาพอากาศเลวร้าย จากนั้นก็ตัดสินใจใช้โทรศัพท์มือถือบันทึกภาพวิดีโอเอาไว้

ในวิดีโอพบเห็นลำแสงวาบสีส้มปรากฏอยู่ท่ามกลางพายุ จากนั้นภาพก็ตัดให้เห็นมุมมองที่ชัดเจนขึ้น ก่อนวิดีโอจะสิ้นสุดลง

คลิปนี้ถูกโพสต์บนยูทูปเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว และนับตั้งแต่นั้นมันก็กลายเป็นวิดีโอสุดฮิต ด้วยมีผู้คลิกเช้าชมแล้วมากกว่า 550,000 ครั้ง ท่ามกลางข้อสันนิษฐานต่างๆ นานา

ความเห็นหนึ่งระบุว่า “มันคือยานเอเลี่ยนกำลังลงจอดบนโลก มันเป็นต้นตอของความผิดปกตินี้” ส่วนอีกคนนำเสนอทฤษฎีที่น่าขนลุกยิ่งกว่า โดยเชื่อว่ามันคือโครงการ HAARP ของรัฐบาลสหรัฐฯ “ลำแสงบนท้องฟ้าคือการทำงานของ HAARP”

เบื้องต้นโครงการวิจัยแสงออโรราแบบตื่นตัวด้วยคลื่นวิทยุความถี่สูง (The High Frequency Active Auroral Research Program - HAARP) คือโครงการวิจัยร่วมระหว่างกองทัพอากาศอเมริกา, กองทัพเรือสหรัฐฯ, มหาวิทยาลัยอะแลสกา แฟร์แบงก์ และสำนักโครงการวิจัยขั้นสูงด้านกลาโหม

มันถูกแบบและสร้างโดยบีเออี แอดซานซ์ เทคโนโลยีส์ เพื่อช่วยวิเคราะห์ชั้นบรรยากาศไอโอโนสเฟียร์และค้นหาความเป็นไปได้สำหรับส่งเสริมพัฒนาเทคโนโลยี อย่างไรก็ตาม มีทฤษฎีสมคบคิดมาช้านานเชื่อว่ามันคือโครงการลับของรัฐบาลสหรัฐฯเพื่อควบคุมสภาพอากาศ

ในนั้นรวมถึงศาสตรจารย์ ไมเคิล ชอสซูดอฟสกี จากมหาวิทยาลัยออตตาวาในแคนาดา ที่ระบุในหนังสือว่า “หลักฐานทางวิทยาศาสตร์เมื่อเร็วๆ นี้บ่งชี้ว่า HAARP กำลังปฏิบัติการเต็มรูปแบบและมีศักยภาพก่ออุทกภัย, เฮอริเคน, ภัยแล้งและแผ่นดินไหว”

นานหลายปีแล้วที่ HAARP ถูกพวกนักทฤษฎีสมคบคิดกล่าวโทษว่าเป็นตัวการของภัยพิบัติทางธรรมชาติต่างๆ นานา หรือแม้แต่กลุ่มเมฆแปลกประหลาด อย่างไรก็ตาม จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีใครนำเสนอข้อพิสูจน์อย่างเป็นรูปธรรม


กำลังโหลดความคิดเห็น