เอเอฟพี - ประธานาธิบดีเคร์สตี คัลยูไลด์ แห่งเอสโตเนียเรียกร้องเมื่อวันพุธ (4 เม.ย.) ให้สหรัฐฯ ส่งขีปนาวุธแพทริออตและทหารบางส่วนเข้าไปประจำการในรัฐเล็กๆ ริมทะเลบอลติกแห่งนี้ โดยเห็นว่าเป็นแนวทางหนึ่งที่จะช่วยป้องกันการคุกคามจากรัสเซียได้อย่าง “น่าเชื่อถือ”
ผู้นำหญิงเอสโตเนียซึ่งอยู่ระหว่างเยือนทำเนียบขาว ระบุว่า ระบบขีปนาวุธและทหารของสหรัฐฯ จะช่วยเสริมความเข้มแข็งให้แก่กองกำลังนาโตที่มีอยู่เดิม
“เราต้องแน่ใจได้ว่าดินแดนและทหารของนาโตจะได้รับการป้องกันอย่างเต็มที่... เราต้องมั่นใจได้ว่าจะมีระบบป้องกันภัยทางอากาศและการสนับสนุนสำหรับทหารเหล่านี้ในยามจำเป็น เราต้องการมาตรการป้องปรามที่น่าเชื่อถือ” เธอกล่าว
คัลลูไลด์ ยอมรับว่าไม่ได้หยิบยกเรื่องนี้มาพูดตอนที่เข้าพบประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อวันอังคาร (3) เพราะทราบดีว่าอีกฝ่ายไม่ค่อยยินดีให้นำทรัพย์สินทางยุทธวิธีของสหรัฐฯ ไปใช้งานในต่างแดน แต่ยืนยันว่าทั้งสองรัฐบาลกำลังมีการพูดคุยกันอยู่
“หมดยุคที่คุณจะเดินมาวอชิงตันมือเปล่า และกลับไปพร้อมกับข้าวของเต็มกระเป๋าแล้วล่ะ” เธอกล่าวเสริม พร้อมอ้างถึงรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม เจมส์ แมตทิส และรองประธานาธิบดี ไมค์ เพนซ์ ของสหรัฐฯ ในฐานะคู่เจรจาหลัก
การที่รัสเซียใช้กำลังช่วงชิงคาบสมุทรไครเมียไปจากยูเครนเมื่อปี 2014 และยังสนับสนุนกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในยูเครนตะวันออกสร้างความหวั่นวิตกไม่น้อยต่อเอสโตเนีย ลัตเวีย และลิทัวเนีย กลุ่มรัฐริมทะเลบอลติกซึ่งมีประชากรรวมกันเพียง 6 ล้านคน และเคยถูกมอสโกยึดครองมาแล้วเมื่อช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
รัฐทั้งสามแยกตัวออกจากสหภาพโซเวียตในปี 1991 และได้เข้าร่วมกลุ่มสหภาพยุโรปและนาโตในปี 2004
นาโตได้ส่งกำลังพลพร้อมรบไปยังเอสโตเนีย ซึ่งประกอบด้วยทหารจากอังกฤษ ฝรั่งเศส และเดนมาร์ก แต่ คัลลูไลด์ ชี้ว่าการมีทหารอเมริกันร่วมอยู่ด้วยจะถือเป็น “มิติใหม่”
“มันจะช่วยลดความกังวลไปได้มาก บางคนคิดว่ากองกำลังนาโตตอบสนองเหตุการณ์ล่าช้า ในขณะที่ทหารอเมริกันรวดเร็วกว่า ซึ่งก็มีเหตุผลที่จะคิดเช่นนั้น” เธอกล่าว
สหรัฐฯ ได้ส่งทหารบางส่วนเข้าร่วม “ปฏิบัติการเสริมกำลังแนวหน้า” (enhanced forward presence) ของนาโต ทว่ามีฐานอยู่ที่โปแลนด์
กองทัพรัสเซียเริ่มเปิดฉากซ้อมรบด้วยกระสุนจริงในทะเลบอลติกจนถึงวันศุกร์นี้ (6) ซึ่งสร้างความวิตกกังวลต่อสวีเดน ขณะที่ลัตเวียก็เกรงว่าจะเป็นอันตรายต่อเครื่องบินโดยสารของตน
คัลลูไลด์ ชี้ว่า รัสเซียไม่เคยทำกิจกรรมลักษณะนี้มาก่อน และตนเชื่อว่ามอสโกอาจมีเจตนาแก้แค้นชาติตะวันตกที่ขับไล่ทูตรัสเซียกว่า 100 คนเพื่อตอบโต้กรณีการวางยาพิษสายลับสองหน้าที่เมืองซอลส์บรี (Salisbury) ของอังกฤษ