เอเจนซีส์ - ล่าสุดประธานาธิบดีเอ็มมานูแอล มาครง เสนอตัวเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยระหว่างตุรกีและกลุ่มติดอาวุธเคิร์ด ท่ามกลางการศึกระอุในซีเรียตอนเหนือ กองทัพเติร์กทำสงครามขับไล่กองกำลังเคิร์ด YPG
บีบีซี สื่ออังกฤษ รายงานวันนี้ (30 มี.ค.) ท่ามกลางการสู้รบทางตอนเหนือของซีเรียที่กองทัพตุรกีได้เปิดปฏิบัติการโจมตีกองกำลังติดอาวุธเคิร์ด YPG ในเมืองอัฟริน (Afrin) มาตั้งแต่มกราคมต้นปีนี้ ซึ่งกลุ่ม YPG ถูกอังการามองว่าเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มกบฏพรรคแรงงานเคิร์ด PKK ที่อังการาประกาศว่าเป็นกลุ่มก่อการร้าย
ทั้งนี้ พบว่าผู้นำฝรั่งเศส ประธานาธิบดีเอ็มมานูแอล มาครง ได้พบกับสมาชิกกลุ่มกองกำลังประชาธิปไตยซีเรีย SDF ที่มีชาวเคิร์ดเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งรวมไปถึงกลุ่ม YPG
ฝ่ายมาครงตั้งความหวังว่าจะสามารถมีการเจรจาเกิดขึ้นได้ระหว่างอังการาและกลุ่มติดอาวุธ ซึ่งทางสำนักงานประธานาธิบดีฝรั่งเศสกล่าวว่า มาครงได้แสดงความไว้อาลัยต่อ “การเสียสละและบทบาทที่มุ่งมั่น” ของกลุ่ม SDF ในการต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้าย IS
เป็นที่รู้ว่าฝรั่งเศสตกเป็นเป้าโจมตีจากกลุ่มก่อการร้าย IS ในไม่กี่ปีที่ผ่านมา และความสูญเสียจากฝีมือของกลุ่มก่อการร้าย ที่รวมไปถึงยอดเสียชีวิต 130 คนในการโจมตีกรุงปารีสเมื่อปี 2015
บีบีซีชี้ต่อว่า และกว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา ฝรั่งเศสตกเป็นเป้าอีกครั้งจากผู้ที่เห็นด้วยกับ IS ที่ได้ก่อเหตุโจมตีทางตอนใต้ของฝรั่งเศส ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปอีก 3 ราย รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจฝรั่งเศสที่มีความกล้าหาญด้วยการย่อมแลกตัวเองกับเหยื่อที่ถูกจับเป็นตัวประกัน
นอกจากนี้ กองกำลัง SDF ยังเป็นพันธมิตรที่สำคัญของสหรัฐฯในการร่วมต่อต้านกลุ่มก่อการร้าย IS ซึ่งกลุ่มติดอาวุธเคิร์ด YPG นั้นรวมเป็นแกนกลางอยู่ในกองกำลังพันธมิตรของสหรัฐฯ ซึ่งได้รับการสนับสนุนด้านอาวุธและการฝึกฝนทางการทหารจากสหรัฐฯและฝรั่งเศส
ที่สำคัญ สื่ออังกฤษชี้ว่าสหรัฐฯ ยังเป็นตัวตั้งตัวตีให้การสนับสนุนสมาชิกกลุ่ม YPG ที่แยกตัวออกมา และไม่มีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มกบฏเคิร์ด PKK
โดยประธานาธิบดีฝรั่งเศสกล่าวว่า ทางปารีสจะสนับสนุนความมีเสถียรภาพของเขตความปลอดภัยในทางตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรียเพื่อหยุดยั้งการกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้งของกลุ่มก่อการร้าย IS
ด้านเจ้าหน้าที่เคิร์ดให้ข้อมูลกับบีบีซีว่า มาครงให้การยืนยันด้วยตนเองว่า เขาจะส่งกองกำลังเพิ่มเข้ามาในพื้นที่ แต่ทว่าปารีสปฎิเสธที่จะแสดงความเห็นในเรื่องนี้
ซึ่งในต้นเดือนนี้พบว่าทางอังการาประสบความสำเร็จในการสามารถขับกองกำลังติดอาวุธเคิร์ดออกมาจากเมืองอัฟรินได้สำเร็จ โดยบรรดานักเคลื่อนไหวกล่าวว่า มีพลเรือนจำนวน 280 คนถูกสังหาร แต่เป็นข้อมูลที่ถูกปฏิเสธจากฝั่งอังการา และพบว่าพลเรือนในพื้นที่จำนวน 1 ใน 4 ของจำนวน 1 ล้านคนได้หนีออกมาจากพื้นที่ขัดแย้ง สื่ออังกฤษรายงาน
นอกจากนี้ ทางตุรกียังเดินหน้าออกมาข่มขู่ว่าจะใช้กำลังทางทหารโจมตีเมืองมานบิจ (Manbij) ซึ่งทางกลุ่ม SDF ในเวลานี้ควบคุมอยู่ โดยทางกลุ่มติดอาวุธสามารถชิงเมืองนี้กลับมาจากกลุ่มก่อการร้าย IS ที่ได้เข้ายึดไว้ตั้งแต่ปี 2016 ซึ่งเป็นที่น่าสนใจว่าสำหรับการประกาศจากทางอังการา เพราะในเมืองมานบิจยังเป็นที่ตั้งของกองกำลังสหรัฐฯ
โดยในวันพุธ (28) ล่าสุด สภาความมั่นคงแห่งชาติตุรกีได้ประกาศยื่นคำขาดให้ทางกองกำลังเคิร์ดต้องยอมถอนออกไปจากมานบิจ และจะลงมือหากว่าทางกองกำลังไม่ยินยอมปฏิบัติตามในทันที
ด้านบรรณาธิการประจำตะวันออกกลางของบีบีซีกล่าวให้ความเห็นว่า ในเวลานี้ยังไม่มีสัญญาณที่ส่งออกมา แสดงให้เห็นว่า กองกำลังสหรัฐฯ จะถอนกำลังออกมาจากที่ตั้งในเมืองมานบิจ ซึ่งเป็นจุดที่ทางสหรัฐฯ ได้ให้กำลังสนับสนุนช่วย SDF ต่อต้านกลุ่ม IS
