รอยเตอร์ - ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียคว้าชัยชนะอย่างถล่มทลายในศึกเลือกตั้งทั่วไปที่จัดขึ้นเมื่อวานนี้ (18 มี.ค.) ซึ่งจะทำให้เขาครองบัลลังก์ผู้นำแดนหมีขาวต่อเนื่องไปอีก 6 ปีในห้วงเวลาที่ความสัมพันธ์กับโลกตะวันตกส่อแววร้อนระอุขึ้น
ชัยชนะครั้งนี้ของ ปูติน จะทำให้เขารั้งอำนาจปกครองรัสเซียอยู่นานร่วม 25 ปี เป็นรองแค่เพียง โจเซฟ สตาลิน อดีตผู้นำเผด็จการโซเวียตเท่านั้น และจะมีอายุ 71 ปีเมื่อหมดวาระลงอีกครั้งในปี 2024
ปูติน ให้คำมั่นว่า การบริหารประเทศของตนในสมัยที่ 4 จะเน้นเรื่องการปกป้องรัสเซียจากภัยคุกคามตะวันตก รวมถึงยกระดับคุณภาพชีวิตพลเมือง
คณะกรรมาธิการเลือกตั้งกลางของรัสเซียประกาศให้ ปูติน เป็นผู้ชนะด้วยคะแนนเสียงร้อยละ 76.4 จากจำนวนบัตรลงคะแนนที่นับไปแล้วกว่า 90% ขณะที่คู่แข่งซึ่งมีภาษีดีที่สุดอย่าง พาเวล กรูดินิน จากพรรคคอมมิวนิสต์ได้คะแนนโหวตเพียงร้อยละ 12
ในการกล่าวสุนทรพจน์ประกาศชัยชนะที่จัตุรัสแดงในกรุงมอสโก ปูติน บอกกับบรรดาผู้สนับสนุนที่ส่งเสียงเชียร์ดังสนั่นว่า ชัยชนะครั้งนี้คือ “ผลโหวตไว้วางใจ” ของประชาชนต่อความสำเร็จของรัฐบาลซึ่งได้มาด้วยความยากลำบาก
“การธำรงไว้ซึ่งเอกภาพคือสิ่งสำคัญยิ่ง เราจะร่วมกันคิดถึงอนาคตของมาตุภูมิอันยิ่งใหญ่ และอนาคตของลูกหลาน” ปูติน กล่าวพร้อมกับนำประชาชนป่าวร้องคำว่า “รัสเซีย!” ซ้ำหลายครั้ง
เขาบอกกับผู้สนับสนุนในภายหลังว่า ช่วงเวลาแห่งความยากลำบากรอคอยอยู่ข้างหน้า แต่รัสเซียมีโอกาสที่จะ “ฝ่าฟันไปได้”
ด้วยการหนุนหลังจากทั้งสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ พรรครัฐบาล และยังมีคะแนนนิยมสูงลิ่วถึง 80% การรั้งเก้าอี้ผู้นำสมัยที่ 4 ของ ปูติน จึงเป็นสิ่งที่คาดเดาได้อยู่แล้ว และหลังจากที่ อเล็กเซย์ นาวัลนี ผู้นำฝ่ายค้านถูกห้ามลงสมัครรับเลือกตั้ง ผู้สมัครอื่นๆ ทั้ง 7 คนก็ไม่ถือว่าเป็นความเสี่ยงต่อ ปูติน เลยแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ดี มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าเจ้าหน้าที่รัสเซียบังคับประชาชนให้ออกไปเลือกตั้ง เพื่อไม่ให้จำนวนผู้ใช้สิทธิ์ต่ำเกินไป
การเลือกตั้งครั้งนี้มีประชาชนผู้มีสิทธิออกเสียงรวมทั้งสิ้นราว 107 ล้านคน โดยคณะกรรมาธิการการเลือกตั้งกลางได้ประกาศราวๆ 3 ชั่วโมงก่อนปิดหีบเลือกตั้งในกรุงมอสโกว่า มีผู้ออกมาใช้สิทธิราว 60%
แม้คณะกรรมาธิการเลือกตั้งจะยอมรับว่ามีความไม่ชอบพามากลเกิดขึ้นบ้าง แต่คงจะไม่ประกาศให้ผลการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นโมฆะ
สมาชิกรัฐสภาที่ภักดีต่อ ปูติน ชี้ว่า ผลการเลือกตั้งครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าประชาชนพอใจจุดยืนแข็งกร้าวที่ ปูติน แสดงต่อชาติตะวันตก
“ผมคิดว่าสหรัฐอเมริกาและอังกฤษคงเข้าใจแล้วว่าพวกเขาไม่มีทางแทรกแซงการเลือกตั้งของเราได้” ส.ว.อิกอร์ โมโรซอฟ ให้สัมภาษณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ ขณะที่ วาเลนตินา มัตวิเยนโก ประธานวุฒิสภา ก็ยกย่องศึกเลือกตั้งรัสเซียว่ามีความโปร่งใสมากกว่าโลกตะวันตก
“นี่เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ผลการเลือกตั้งของเราสะท้อนให้เห็นว่า ไม่มีใครสามารถบงการชาวรัสเซียได้... ผู้คนต่างพร้อมใจกันออกมาใช้สิทธิ์ และไม่มีประเทศใดที่โลกที่สามารถจัดการเลือกตั้งอย่างเปิดกว้างและโปร่งใสเช่นนี้”
ทั้งนี้ คาดว่า นาวัลนีจะออกมาเชิญชวนประชาชนให้ชุมนุมต่อต้าน ปูติน และคัดค้านผลการเลือกตั้งซึ่งเขาอ้างว่า “ไม่เป็นอิสระและไม่เป็นธรรม” ส่วนแกนนำฝ่ายค้านอีกคนก็เตือนว่า สถานการณ์อาจเลวร้ายถึงขั้นจลาจลหากตำรวจใช้มาตรการปราบปรามขั้นรุนแรงต่อผู้ชุมนุม
หลายฝ่ายกำลังจับตาว่าชัยชนะครั้งนี้จะทำให้ ปูติน วัย 65 ปี ลดท่าทีกราดเกรี้ยวต่อชาติตะวันตกลงบ้างหรือไม่ หลังจากผู้นำหมีขาวได้เปิดเผยระหว่างการแถลงนโยบายประจำปีเมื่อต้นเดือนนี้ว่า รัสเซียประสบความสำเร็จในการพัฒนาขีปนาวุธนิวเคลียร์รุ่นใหม่ที่สามารถ “ยิงถล่มได้ทุกแห่งในโลก” และยังหลบหลีกระบบป้องกันขีปนาวุธของสหรัฐฯ ได้อีกด้วย
ความสัมพันธ์มอสโก-ตะวันตกเดินมาถึงจุดตกต่ำที่สุดครั้งหนึ่งในยุคหลังสงครามเย็น ทั้งความขัดแย้งเรื่องซีเรีย, ยูเครน ข้อครหาเรื่องรัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งในสหรัฐฯ รวมถึงกรณีการใช้สารพิษลอบทำร้ายอดีตสายลับหมีขาวและลูกสาวที่พำนักอยู่ในอังกฤษ