รอยเตอร์ - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เตรียมประกาศมาตรการเก็บภาษีศุลกากรจากสินค้านำเข้าจีนมูลค่าราว 60,000 ล้านดอลลาร์ โดยเฉพาะในหมวดเทคโนโลยี การสื่อสาร รวมไปถึงของใช้ในชีวิตประจำวันอย่างเสื้อผ้า แหล่งข่าว 2 คนซึ่งได้หารือกับรัฐบาลทรัมป์เปิดเผยเมื่อวันอังคาร (13 มี.ค.)
แหล่งข่าวคนที่ 3 ซึ่งทราบข้อมูลโดยตรงเกี่ยวกับแผนของรัฐบาลระบุว่า ภาษีศุลกากรดังกล่าวอาจถูกเรียกเก็บ “ในอนาคตอันใกล้” โดยเชื่อมโยงกับกระบวนการสอบสวนเรื่องการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาตามมาตรา 301 ของกฎหมายการค้าสหรัฐฯ ปี 1974 ที่เริ่มขึ้นเมื่อเดือน ส.ค.ปีที่แล้ว
แม้มาตรการทางภาษีจะพุ่งเป้าไปที่สินค้าจำพวกไอที อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องมือสื่อสาร แต่ก็อาจขยายจนครอบคลุมรายการสินค้ามากถึง 100 ชนิด
ล่าสุด ทำเนียบขาวยังปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับขอบเขตและกรอบเวลาที่สหรัฐฯ จะเริ่มดำเนินการ
ทรัมป์ หันมาเล่นงานบริษัทไฮเทคของจีนเพื่อตอบโต้นโยบายด้านการลงทุนของปักกิ่งที่บีบให้บริษัทอเมริกันต้องยอมเผยความลับทางเทคโนโลยี แลกกับการได้รับอนุญาตประกอบธุรกิจในแดนมังกร รวมถึงแนวปฏิบัติด้านทรัพย์สินทางปัญญาอื่นๆ ที่วอชิงตันเห็นว่าไม่เป็นธรรม
รัฐบาลทรัมป์ยังพิจารณาเพิ่มข้อจำกัดด้านการลงทุนต่อบริษัทจีนโดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคง ทว่ายังไม่มีการเผยรายละเอียด ขณะที่โฆษกกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ก็ยังไม่ตอบรับคำขอสัมภาษณ์
อย่างไรก็ตาม บรรดาล็อบบี้ยิสต์ในวอชิงตันได้แสดงความเป็นห่วงว่า บทลงโทษทางภาษีของ ทรัมป์ อาจครอบคลุมถึงสินค้าอุปโภคบริโภคที่ใช้แรงงานในการผลิตจำนวนมาก เช่น เครื่องนุ่งห่ม รองเท้า และของเล่น เป็นต้น
ฮุน ควอช (Hun Quach) ล็อบบี้ยิสต์จากสมาคมผู้นำอุตสาหกรรมค้าปลีก (Retail Industry Leaders Association) ระบุว่า การขึ้นภาษีสินค้านำเข้าประเภทนี้ “จะส่งผลกระทบต่อครอบครัวชาวอเมริกัน”
“เราไม่ได้หมายถึงสเวตเตอร์ผ้าแคชเมียร์หรืออะไรทำนองนั้น แต่กำลังพูดถึงเสื้อทีเชิ้ตผ้าฝ้าย กางเกงยีนส์ และรองเท้าที่เด็กๆ สวมใส่ไปโรงเรียน... สัญญาณเตือนอันตรายกำลังดัง” เธอกล่าว
จีนมียอดเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ สูงถึง 375,000 ดอลลาร์ และเมื่อที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เดินทางเยือนวอชิงตันเมื่อไม่นานนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ก็พยายามกดดันให้จีนหาวิธีแก้ไขตัวเลขนี้ให้ลดลงมา
ขณะที่มาตรการขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมที่ ทรัมป์ ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วถูกมองว่าไม่มีผลกระทบต่อการนำเข้าและส่งออกมากนัก แต่การพุ่งเป้าเล่นงานสินค้าจีนโดยตรงเช่นนี้เสี่ยงที่จะทำให้สหรัฐฯ ถูกปักกิ่งตอบโต้อย่างรุนแรง
เว็บไซต์ข่าว Politico รายงานว่า สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ได้เสนอแพ็กเกจรีดภาษี 30,000 ล้านดอลลาร์ต่อ ทรัมป์ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่ผู้นำสหรัฐฯ เห็นว่าตัวเลขนี้ “ยังสูงไม่พอ”
แหล่งข่าวด้านธุรกิจในวอชิงตันซึ่งได้หารือประเด็นนี้กับทำเนียบขาวระบุว่า ตัวเลขดังกล่าวถูกดันเพิ่มขึ้นไปเป็น 60,000 ล้านดอลลาร์ และแนวโน้มที่จะขยายให้ครอบคลุมสินค้าประเภทอื่นๆ ด้วย
ล็อบบี้ยิสต์ในวอชิงตันอีกคนหนึ่งเผยว่า แผนรีดภาษีครั้งนี้ถูกเสนอโดย ปีเตอร์ นาวาร์โร ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายพาณิชย์และอุตสาหกรรมของทำเนียบขาวซึ่งเป็นนักกีดกันการค้าตัวยง รวมถึง โรเบิร์ต ไลธีเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ซึ่งสนับสนุนการตั้งกำแพงภาษีเพื่อสร้างสมดุลการค้า
แม้กระแสร้องเรียนเรื่องจีนละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาจะไม่ได้จำกัดแค่ในสหรัฐฯ เท่านั้น แต่การที่ ทรัมป์ สั่งรีดภาษีนำเข้าเหล็กกล้าและอะลูมิเนียมจากคู่ค้าทั่วโลกเมื่อสัปดาห์ที่แล้วอาจกลายเป็นอุปสรรคสำหรับวอชิงตันในการที่จะขอความร่วมมือชาติพันธมิตรรุมกดดันจีน