เอเอฟพี - สหรัฐฯ ออกมาขู่วานนี้ (12 มี.ค.) ว่า พร้อมที่จะเข้าแทรกแซงสงครามในซีเรียเพื่อยับยั้งการใช้อาวุธเคมี และ “ความทุกข์ทรมานของเพื่อนมนุษย์” พร้อมเรียกร้องให้ขยายมาตรการหยุดยิงในกูตาตะวันออกต่อไปอีก 30 วัน
นิกกี เฮลีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) กล่าวต่อคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น ว่า มาตรการหยุดยิงที่เริ่มบังคับใช้เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน “ล้มเหลวสิ้นเชิง” และเสนอร่างมติใหม่ที่กำหนดให้มีการหยุดยิง 30 วันทั้งในเขตอิทธิพลของกบฏซีเรียและกรุงดามัสกัส
“ไม่มีการหยุดยิงเกิดขึ้นจริง ระบอบอัสซาด อิหร่าน และรัสเซียยังคงทำสงครามกวาดล้างศัตรูทางการเมืองของพวกเขาอยู่” เฮลีย์ ระบุ
เธอยังอ้างไปถึงตอนที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ สั่งให้เรือรบสหรัฐฯ ยิงขีปนาวุธถล่มฐานทัพอากาศแห่งหนึ่งในซีเรียเมื่อเดือน เม.ย. ปีที่แล้ว เพื่อตอบโต้การใช้แก๊สพิษซารินสังหารพลเรือน ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่าเป็นฝีมือของกองกำลังที่ภักดีต่อประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด
“เราขอเตือนทุกประเทศที่คิดจะใช้อาวุธเคมีเป็นเครื่องมือเพื่อให้บรรลุถึงเป้าหมาย โดยเฉพาะระบอบซีเรีย ขอให้ทราบว่าสหรัฐฯ พร้อมเสมอที่จะกระทำการบางอย่างหากถึงคราวจำเป็น” เฮลีย์ ระบุ
“นี่ไม่ใช่หนทางที่เราปรารถนา แต่เป็นสิ่งที่เราเคยแสดงให้เห็นแล้วว่าทำได้ และพร้อมที่จะทำมันอีกครั้ง... เมื่อประชาคมโลกล้มเหลวในการแก้ไขปัญหา บางครั้งแต่ละรัฐก็มีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจด้วยตัวเอง”
ร่างมติของสหรัฐฯ เรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงออกคำสั่งหยุดยิงเป็นเวลา 30 วันในเขตกูตาตะวันออกและกรุงดามัสกัส โดยให้มีผลบังคับทันทีที่คณะมนตรีลงมติรับรอง
ร่างมตินี้ยังกำหนดให้เปิดเส้นทางที่ “ปลอดภัย ไร้อุปสรรค และเข้าถึงได้อย่างต่อเนื่อง” สำหรับขบวนรถส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และให้มีการอพยพผู้ป่วยออกจากกูตาตะวันออกได้อย่าง “ปลอดภัยและไม่มีเงื่อนไข”
ฮาดี อัล-บะห์รา ผู้แทนเจรจาของกบฏซีเรีย กล่าวต่อคณะมนตรีความมั่งคงยูเอ็นในการประชุมแยกต่างหากว่า “การข่มขู่ หรือปฏิบัติการทางทหารอย่างจำกัด” คือ สิ่งจำเป็นที่จะช่วยยับยั้งไม่ให้มีการละเมิดหยุดยิง และบังคับให้รัฐบาลซีเรียต้องยอมเจรจา
วาสซิลีย์ เนเบนเซีย เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำยูเอ็น วิจารณ์สหรัฐฯ และพันธมิตรว่า “ไม่ทำอะไรนอกจากกล่าวโทษรัฐบาลซีเรีย และเรียกร้องให้รัสเซียต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้” และย้ำว่ารัฐบาลซีเรีย "มีสิทธิ์ทุกประการที่จะกำจัดสิ่งซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อพลเมืองของตน”
กองทัพซีเรียซึ่งมีมอสโกหนุนหลังยังคงเดินหน้าปิดล้อมและโจมตีพวกกบฏในกูตาตะวันออกอย่างต่อเนื่อง จนยึดพื้นที่ได้แล้วเกือบร้อยละ 60
ศูนย์สังเกตการณ์สิทธิมนุษยชนซีเรียซึ่งมีฐานในกรุงลอนดอน ระบุว่า ปฏิบัติการโจมตีที่หนักหน่วงตลอด 1 เดือน ทำให้พลเรือนเสียชีวิตอย่างน้อย 1,162 ราย รวมเด็ก 241 คน