เอเจนซีส์ - เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มขยายตัว 3.1% ในปีนี้ และถือเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ผ่านมาที่เวิลด์แบงก์ ระบุว่า ภาวะเศรษฐกิจโลกดีกว่าคาด โดยมีการปรับตัวถ้วนทั่วทุกภูมิภาค กระนั้น ประเทศต่างๆ ต้องเร่งลงทุนเพื่อยกระดับแนวโน้มการเติบโตก่อนที่วิกฤตรอบใหม่จะระเบิดขึ้น
ธนาคารโลกเผยแพร่ “รายงานคาดการณ์เศรษฐกิจโลก” (Global Economic Prospects report) ที่จัดทำปีละ 2 ฉบับๆ ล่าสุด เมื่อวันอังคาร (9 ม.ค.) โดยที่ ไอฮัน โคเซ นักเศรษฐศาสตร์และผู้นำกลุ่มคาดการณ์การพัฒนา (Development Prospects Group) ของธนาคารโลก ซึ่งเป็นผู้จัดทำรายงานนี้ กล่าวกับเอเอฟพีในวันเดียวกัน ว่า เศรษฐกิจโลกปีนี้มีช่องทางโอกาสที่จะเติบโตเกินคาด และแนวโน้มของทุกภูมิภาคดีกว่าในรายงานคาดการณ์เศรษฐกิจโลกฉบับก่อนที่ออกมาในเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว
โคเซ ตั้งข้อสังเกตว่า ทุกภูมิภาคมีการขยายตัวพร้อมเพรียงอย่างมาก ซึ่งรวมถึง 3 ระบบเศรษฐกิจที่ก้าวหน้า ได้แก่ อเมริกา ยูโรโซน และ ญี่ปุ่น ขณะที่พวกประเทศเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่รายสำคัญๆ ก็มีพัฒนาการที่ดี รวมทั้งชาติผู้ส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์รายใหญ่ ทั้ง รัสเซีย และ บราซิล ก็ฟื้นตัวตั้งแต่ปีที่ผ่านมา
รายงานฉบับล่าสุดของธนาคารโลกนี้ ปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกปี 2017 เป็น 3% และเป็น 3.1% สำหรับปีปัจจุบัน ขณะที่ปีหน้าคาดว่า จะอยู่ที่ 3%
ประเทศเศรษฐกิจก้าวหน้าของโลกมีแนวโน้มสดใสที่สุด โดยได้รับการปรับเพิ่มการคาดการณ์เป็น 2.3% และ 2.2% สำหรับปีที่แล้วและปีนี้ ก่อนชะลอลงเหลือ 1.9% และ 1.7% ในปี 2019 และ 2020
ธนาคารโลกปรับเพิ่มแนวโน้มการขยายตัวของยูโรโซน 0.7% เป็น 2.4% ในปีที่ผ่านมา และ 1.3% ในปีนี้ เช่นเดียวกับอเมริกาที่คาดว่า จะขยับขึ้นเล็กน้อยเป็น 2.3% และ 2.2% และญี่ปุ่นฟื้นขึ้นมาอยู่ที่ 1.7% ก่อนชะลอลงเหลือ 1.3% ในปี 2018
ภูมิภาคที่โตเร็วที่สุด คือ เอเชียตะวันออกและแปซิฟิก โดยจีนถูกคาดหมายว่า จะมีอัตราเติบโต 6.8% และ 6.4% ในปีที่แล้วและปีนี้
โคเซ ให้สัมภาษณ์ว่า ความพยายามของธนาคารกลางหลายประเทศในการคงอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำช่วยฟื้นเสถียรภาพเศรษฐกิจโลกและกระตุ้นการฟื้นตัว ทว่า ความเสี่ยงขาลงยังคงอยู่ และการฟื้นตัวจะต้องสิ้นสุดลง ณ จุดใดจุดหนึ่งจนได้ เช่นเดียวกับทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา
ความเสี่ยงยังรวมถึงระดับหนี้ที่สูงขึ้นซึ่งน่าเป็นห่วงมากขึ้น เนื่องจากธนาคารกลางหลายประเทศกำลังทยอยขึ้นดอกเบี้ย และจะเร่งความเร็วมากขึ้นหากการฟื้นตัวเริ่มปั่นให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้น
ยังมีความเสี่ยงที่น่าจับตาอีกอย่าง คือ การเพิ่มข้อจำกัดทางการค้า ซึ่งแม้โคเซไม่ได้เอ่ยชื่ออเมริกา แต่เป็นที่รู้กันว่า ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ มีจุดยืนแข็งกร้าวอย่างมากในเรื่องนโยบายการค้า โดยเฉพาะกับจีน และกำลังพยายามแก้ไขข้อตกลงการค้าเสรีต่างๆ ซึ่งรวมถึงข้อตกลงนาฟตาที่สหรัฐฯทำกับแคนาดา และ เม็กซิโก
ธนาคารโลกยังเรียกร้องให้รัฐบาลประเทศต่างๆ ดำเนินการเพื่อป้องกันการเติบโตชะลอตัว ซึ่งโคเซขานรับว่า ความสามารถในการขยายตัวรวดเร็วยิ่งขึ้น เป็นประเด็นสำคัญที่สุดของเศรษฐกิจโลก
รายงานแนะนำให้ภาครัฐยกระดับระบบการศึกษาและสุขภาพอนามัยไปพร้อมกัน รวมทั้งลงทุนในโครงการที่มีคุณภาพสูง ปฏิรูปแรงงาน และธุรกิจที่จะร่วมกันเพิ่มผลตอบแทนในระยะยาว และสนับสนุนการแก้ปัญหาความยากจน
การขจัดอุปสรรคในการเข้าถึงตลาดงานของผู้หญิงเป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของหลายประเทศ
รายงานแจงว่า ศักยภาพการเติบโตระหว่างปี 2013 - 2017 อยู่ที่ 2.5% หรือต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ยเมื่อทศวรรษที่แล้ว 0.6% และยิ่งต่ำกว่านั้นในประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งหากภาครัฐยังไม่เพิ่มการลงทุนทั้งด้านกายภาพและทุนมนุษย์ ตัวเลขนี้มีสิทธิลดลงต่อเนื่อง
รายงานยังคาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันโลกในปีปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ 58 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ก่อนเพิ่มเป็น 59 ดอลลาร์ในปีหน้า