เอเอฟพี - เกาหลีเหนือวิพากษ์วิจารณ์ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เรื่องการรับรองเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล และเรียกเขาว่า “ตาแก่ฟั่นเฟือน” อีกครั้งในถ้อยแถลงที่เผยแพร่ในสื่อทางการในวันนี้ (9)
ทรัมป์และผู้นำ คิม จองอึน ของเกาหลีเหนือ ต่างขู่ว่าจะทำสงครามและดูหมิ่นกันในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ในขณะที่ความตึงเครียดยังคงพุ่งสูงจากภัยคุกคามด้านนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ
ในตอนนี้รัฐสันโดษแห่งนี้ได้ร่วมการประณามของนานาชาติต่อการตัดสินใจของประธานาธิบดีสหรัฐฯเรื่องเยรูซาเล็ม โดยระบุว่าเป็นความไม่ยั้งคิดและการกระทำอันต่ำช้า
“เมื่อพิจารณาจากความจริงที่ว่าตาแก่ฟั่นเฟือนคที่มีปัญหาทางจิตนนี้เคยเรียกร้องให้มีการทำลายรัฐเอกราชในยูเอ็น การกระทำนี้ถือว่าไม่น่าแปลกใจเลย” คำพูดโฆษกกระทรวงการต่างประเทศถูกรายงานโดยสำนักข่าวเคซีเอ็นเอของทางการ
“แต่ความเคลื่อนไหวนี้แสดงให้ทั้งโลกเห็นอย่างชัดเจนว่าใครคือผู้ทำลายสันติภาพและเสถียรภาพของโลก และใครเป็นคนนอกคอกและอันธพาลในประชาคมโลก” เขากล่าว โดยใช้คำเรียกที่มักถูกใช้กับเกาหลีเหนือ
การประกาศรับรองเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลและย้ายสถานทูตจากเทลอาวีฟของทรัมป์จุดชนวนความไม่พอใจทั่วโลกมุสลิม และทำให้เหล่าพันธมิตรของสหรัฐฯออกมาแสดงความกังวลและความไม่เห็นด้วย
ก่อนหน้านี้ ทรัมป์เคยเตือนเปียงยางว่าจะเจอ “เพลิงพิโรธ” และบอกกับที่ประชุมสมัชชาใหญ่แหง่สหประชาชาติว่า วอชิงตันจะทำลาย “เกาหลีเหนือให้สิ้นซาก” หากจำเป็นต้องปกป้องตัวเองหรือพันธมิตร
ทรัมป์ตั้งฉายาคิมว่า “ร็อกเก็ตแมน” ในปราศรัยครั้งนั้น เปียงยางทำการทดสอบขีปนาวุธที่ดูเหมือนจะสามารถโจมตีแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐฯได้เกือบทั้งหมด และไม่กี่วันต่อมาคิมตอบโต้ด้วยการออกถ้อยแถลงส่วนตัวเรียกทรัมป์ว่า “ตาแก่ฟั่นเฟือน”
อ้างจากถ้อยแถลงล่าสุดของเคซีเอ็นเอ โสมแดงประณามความเคลื่อนไหวของสหรัฐฯอย่างรุนแรงที่รับรองเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวง และแสดงการสนับสนุนและความเห็นอกเห็นใจชาวปาเลสไตน์และชาวอาหรับที่พยายามเพื่อให้ได้รับสิทธิอันชอบธรรมของพวกเขา”
“สหรัฐฯจะต้องรับความรับผิดชอบสำหรับผลลัพธ์ทั้งหมดจากความไม่ยั้งคิดและการกระทำอันต่ำช้านี้” ถ้อยแถลง ระบุเสริม