รอยเตอร์ - เจฟฟรีย์ เฟลท์แมน รองเลขาธิการสหประชาชาติฝ่ายกิจการการเมืองซึ่งเดินทางไปเยือนเกาหลีเหนือในสัปดาห์นี้ แสดงความเต็มใจที่จะช่วยบรรเทาความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลี หลังสงครามน้ำลายระหว่างคู่ขัดแย้งแต่ละฝ่ายเริ่มทวีความรุนแรง สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของเกาหลีเหนือรายงานในวันนี้ (9 ธ.ค.)
เฟลท์แมน เจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดของยูเอ็นที่ไปเยือนรัฐคอมมิวนิสต์เกาหลีเหนือตั้งแต่ปี 2012 เป็นต้นมา ยังไม่ให้สัมภาษณ์อย่างเป็นทางการ แต่สื่อโสมแดงอ้างว่า รองเลขาธิการยูเอ็นยอมรับว่ามาตรการคว่ำบาตรที่นานาชาติใช้กับโสมแดงนั้นมีผลเสียในด้านมนุษยธรรม
“องค์การสหประชาชาติได้แสดงความเป็นห่วงสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลี และเต็มใจที่จะช่วยบรรเทาความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลี ตามวัตถุประสงค์ของกฎบัตรสหประชาชาติซึ่งมุ่งส่งเสริมสันติภาพและความมั่นคงสากล” เคซีเอ็นเอระบุ
รัฐบาลเกาหลีเหนือยังคงมุ่งมั่นพัฒนาขีปนาวุธนิวเคลียร์ แม้จะถูกยูเอ็นและนานาชาติคว่ำบาตรมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง
เมื่อวันที่ 29 พ.ย. พวกเขาได้ยิงทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป (ICBM) ซึ่งอ้างว่าเป็นรุ่นที่มีศักยภาพสูงสุดในขณะนี้ และสามารถโจมตีเป้าหมายได้ทุกแห่งบนแผ่นดินใหญ่สหรัฐอเมริกา
สหรัฐฯ และเกาหลีใต้ได้เปิดการซ้อมรบทางทหารขนาดใหญ่ในสัปดาห์นี้ ซึ่งทำให้เปียงยางออกมาขู่ว่า โอกาสที่สงครามจะปะทุขึ้น “เป็นข้อเท็จจริงที่ยืนยันแล้ว”
เคซีเอ็นเอ ระบุด้วยว่า เจ้าหน้าที่โสมแดงและเฟลท์แมน เห็นตรงกันว่าการไปเยือนเกาหลีเหนือของเขาในครั้งนี้ช่วยให้เกิดความเข้าอกเข้าใจมากขึ้น และทั้งสองฝ่ายจะติดต่อประสานงานกันอย่างสม่ำเสมอ
รองเลขาธิการยูเอ็นผู้นี้มีกำหนดทำภารกิจในเกาหลีเหนือระหว่างวันที่ 5-9 ธ.ค.
การยิงทดสอบขีปนาวุธ ฮวาซอง-15 เมื่อเดือนที่แล้วทำให้วอชิงตันออกมาเตือนแรงๆ ว่าระบอบเกาหลีเหนืออาจจะถูก “ทำลายราบคาบ” หากเกิดสงคราม
เปียงยางยืนยันว่าจำเป็นต้องพัฒนาอาวุธร้ายแรงเอาไว้ป้องกันตนเองจากการรุกรานของสหรัฐฯ ขณะเดียวกันก็ขู่เสมอว่าจะใช้อาวุธเหล่านี้โจมตีเกาหลีใต้และอเมริกา
สหรัฐฯ ส่งทหารราว 28,500 นายเข้าไปผลัดเปลี่ยนประจำการในเกาหลีใต้อย่างถาวร นับตั้งแต่สงครามเกาหลีเมื่อช่วงปี 1950-53 สิ้นสุดลงด้วยข้อตกลงหยุดยิง ทว่ายังไม่มีการทำสนธิสัญญาสันติภาพ