รอยเตอร์ - บินาลี ยิลดิริม นายกรัฐมนตรีตุรกี ในวันพฤหัสบดี (7 ธ.ค.) โวยวายสหรัฐฯถอดสลักระเบิดในตะวันออกกลาง หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศรับรองให้เยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล
ยิลดิริม บอกว่าด้วยที่ตุรกีมีความเห็นต่างโดยสิ้นเชิงกับวอชิงตัน ซึ่งกระพือความตึงเครียดระหว่างสองชาติพันธมิตรนาโตอยู่ก่อนแล้ว ดังนั้นจึงหมายความว่าตอนนี้ประชาชนชาวตุรกีส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดไม่รู้สึกเข้าข้างสหรัฐฯ เลยสักนิด “สหรัฐฯ ถอดสลักระเบิดที่พร้อมจะระเบิดภูมิภาคนี้” ยิลดิริมแถลงกับพวกผู้สื่อข่าวในอังการา
ความเห็นของนายกรัฐมนตรีตุรกี มีขึ้นหลังจากเมื่อวันพุธ (6 ธ.ค.) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ละทิ้งนโยบายที่อเมริกายึดถือมานับสิบปี ด้วยการรับรองเยรูซาเลมในฐานะเมืองหลวงของอิสราเอล และประกาศจะย้ายสถานทูตอเมริกาไปยังเมืองดังกล่าว
หลังการตัดสินใจของทรัมป์ มีประชาชนหลายร้อยคนรวมตัวประท้วงด้านนอกสถานกงสุงสหรัฐฯ ในอิสตันบูลในวันพฤหัสบดี (7 ธ.ค.) ขณะที่ทางการต้องส่งกองกำลังตำรวจเข้าอารักขา โดยมีทหารในเครื่องแบบคอยตรวจตราอยู่บนดาดฟ้า
“วันนี้พลเมืองของเรามากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ เย็นชาต่อสหรัฐฯ และพวกเขามีสิทธิ์ที่จะทำเช่นนั้น” ยิลดิริมกล่าว
ความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างสองชาติถูกกัดเซาะจากกรณีที่สหรัฐฯให้การสนับสนุนพวกนักรบเคิร์ดซีเรีย “วายพีจี” ที่ทางอังการามองว่าเป็นส่วนขยายของพรรคแรงงานชาวเคิร์ด (พีเคเค) ซึ่งก่อความไม่สงบต่อต้านรัฐตุรกีมานานหลายทศวรรษ
นอกเหนือจากนั้น อังการายังขุ่นเคืองสหรัฐฯ ต่อกรณีที่ไม่ส่งตัวเฟตฮุลเลาะห์ กูเลน นักการศาสนาอิสลามคนดังที่พำนักอยู่ในอเมริกา ในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนกลับไปยังตุรกี หลังอังการากล่าวหาว่าเขาบงการความพยายามก่อรัฐประหารเมื่อปีที่แล้ว
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ บอกว่าศาลไม่ได้รับหลักฐานเพียงพอที่จะส่งตัว กูเลน ในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนตามคำขอของตุรกี ขณะที่นักการศาสนารายนี้ปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่มีส่วนรู้เห็นใดๆ ต่อความพยายามก่อรัฐประหาร