เอเจนซีส์ – CNN สื่อสหรัฐฯ เปิดเผยข้อมูลใหม่ในการเสียชีวิตของนายทหารหน่วยรบพิเศษกรีนเบเรต์คนที่ 4 สิบเอก ลา เดวิด จอห์นสัน (Sgt. La David Johnson)วัย 25 ปี เชื่อถูกจับระหว่างมีชีวิต หลังทางหน่วยถูกกลุ่มก่อการร้าย IS ที่มีไม่ต่ำกว่า 50 คนซุ่มโจมตี เกิดหลังทีมกรีนเบเรต์เดินทางเข้าพื้นที่ด้วยรถปิกอัพไม่กันกระสุน เพื่อพบกับกลุ่มผู้นำท้องถิ่นในพื้นที่ห่างไกลของไนเจอร์ใกล้พรมแดนมาลี ด้านเพนตากอนรับกลายๆ ปฎิบัติการล้มเหลวไม่เป็นท่า ชี้หากรู้จะถูกซุ่มโจมตี จะให้อุปกรณ์มากกว่าแค่ “ปืนไรเฟิล-รถปิกอัพพลเรือน” กับหน่วยปฎิบัติการ หลังพบ IS ใช้ทั้ง RPG บวกปืนกลกระหน่ำ
CNN สื่อสหรัฐฯรายงานวันนี้(11 ต.ค)ว่า ทางสำนักข่าว CNN ได้รู้รายละเอียดเพิ่มเติมถึงเหตุการณ์ที่กองกำลังทหารปฎิบัติการรบพิเศษกรีนเบเรต์ของสหรัฐฯในไนเจอร์ ถูกซุ่มโจมตีเมื่อวันพุธต้นเดือนนี้( 4 ต.ค) ส่งผลทำให้มีนายทหารสหรัฐฯ 4 นายเสียชีวิต บาดเจ็บอีก 2 นาย ทางตะวันตกเฉียงใต้ของไนเจอร์ ห่างจากกรุงนีอาเมไปราว 200 ก.ม
พบว่าในเวลานั้น ทางสหรัฐฯต้องขอความช่วยเหลือจากกองทัพฝรั่งเศสในการใช้เฮลิคอปเตอร์ซูปเปอร์ฟพูมา(Super Puma)ในการลำเลียงคนเจ็บ และผู้เสียชีวิต ออกนอกพื้นที่ ซึ่งพบว่าหลังจากนั้นทหารสหรัฐฯ 2 นายที่ได้รับบาดเจ็บถูกส่งตัวไปรักษาต่อที่เยอรมัน รวมไปถึงในรายงานมีการพบว่า ทางกองทัพฝรั่งเศสใช้เครื่องบินโจมตีเพื่อยิงคุ้มกันทางอากาศให้กับกองกำลังสหรัฐฯทางภาคพื้น
แต่อย่างไรก็ตาม แต่แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่สหรัฐฯหลายคนได้อ้างกับ CNN ในเรื่องนี้ว่า รัฐบาลไนเจอร์ในเวลานี้ยังไม่อนุญาตให้มีการออกปฎิบัติการโจมตีทางอากาศภายในดินแดนของตัวเอง
สื่อสหรัฐฯชี้ต่อว่า ข้อมูลใหม่ที่ได้รับการเปิดเผยหลังการสอบสวนเบื้องต้น ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการสอบปากคำผู้ที่รอดชีวิตจากเหตุซุ่มโจมตีครั้งนี้ และข้อมูลที่ทาง CNN รับรู้นั้นได้มาจากแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ
ทั้งนี้พบว่าในปฎิบัติการพิเศษที่เกิดเมื่อวันที่ 4 ต.ค ทางสหรัฐฯได้ส่งกองกำลังออกไปจำนวน 2 ทีม โดย CNN ชี้ว่า กองกำลังหน่วยกรีนเบเรต์นั้นมีเจ้าหน้าที่ปฎิบัติการ 12 นายเป็นทีมนำ
ซึ่งทางหน่วยได้กล่าวว่า หลังจากที่พวกเขาได้เสร็จสิ้นการประชุมกับบรรดาผู้นำท้องถิ่นในพื้นไนเจอร์เรียบร้อยแล้ว ในขณะที่กำลังเดินกลับมายังรถปิกอัพแบบพลเรือนของกองกำลังที่ไม่สามารถป้องกันกระสุนปืนได้ ทางหน่วยถูกซุ่มโจมตีจากฝ่ายตรงข้ามด้วยอาวุธเบา ปืนกล และจรวด RPG
และในการให้สัมภาษณ์ของนายทหารสหรัฐฯจำนวนหนึ่งที่ได้เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้เปิดเผยว่า ***พวกเขาสงสัยว่าบรรดาผู้นำในพื้นที่พยายามถ่วงเวลาการเดินทางกลับออกมาของทางหน่วย**** ทำให้ทางทีมปฎิบัติการพิเศษสหรัฐฯต้องเสียเวลารอ
สิ่งเหล่านี้ทำให้ทางสหรัฐฯเชื่อว่า ผู้นำท้องถิ่นไนเจอร์ร่วมมือกับกลุ่มก่อการร้ายเพื่อให้กำลังปฎิบัติการพิเศษสหรัฐฯถูกซุ่มโจมตี อ้างอิงจากเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ
CNN รายงานว่า ในขณะที่นายทหารสหรัฐฯจำนวนหนึ่งกำลังหารือกับผู้นำท้องถิ่นไนเจอร์อยู่นั้น สื่อสหรัฐฯชี้ว่า นายทหารอีก 12 นายที่เหลือทั้งหมดของทีมต่างเผ้าอยู่ด้านนอก ปกป้องรถปิกอัพของทางหน่วย อย่างไรก็ตาม การซุ่มโจมตีเกิดขึ้นจากกองกำลังก่อการร้าย IS ที่มีจำนวนราว 50 คน เกิดขึ้นระหว่างทีมปฏิบัติการสหรัฐฯ 2 ทีมนั้นอยู่แยกกัน ซึ่งในภาษาทางการทหารของสหรัฐฯชี้ว่า “เป็นจุดเปราะบางต่อการถูกโจมตีมากที่สุด”
การซุ่มโจมตีของก่อการร้ายในไนเจอร์ ซึ่งไม่ห่างจากพรมแดนมาลีนั้นเกิดขึ้นอย่างหนักหน่วง พบว่าหน้าต่างรถปิกอัพของทางหน่วยแตกกระจาย ส่งผลทำให้นายทหารเหล่านี้ ซึ่งรวมไปถึงสมาชิกกรีนเบเรต์หลายนาย ต้องรีบกระโจนออกนอกตัวรถทันทีเพื่อหาที่หลบภัย และมีอาวุธแค่ปืนไรเฟิลที่คุ้มกันเท่านั้น โดยหลังจากนั้นทางกองกำลังสหรัฐฯเริ่มต้นยิงตอบโต้กลับออกไป และสามารถสังหารสมาชิกก่อการร้ายได้จำนวนหนึ่ง
ทั้งนี้ล่าสุด สื่อสหรัฐฯชี้ในวันพุธ(11 ต.ค)ว่า นายทหารกรีเบเรต์รายที่ 4 ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้นั้น ***เชื่อว่าน่าจะถูกกลุ่มการร้ายจับกุมไปตอนในสภาพมีชีวิต แต่ถูกสังหารในเวลาต่อมา***
โดยพบว่าในระหว่างการต่อสู้ สิบเอก ลา เดวิด จอห์นสัน (Sgt. La David Johnson) ที่ได้แยกตัวออกไปจากกลุ่ม และหายตัวไปเป็นเวลาเกือบ 48 ช.ม ก่อนที่ทางกองกำลังไนเจอร์ ร่วมกับสหรัฐฯ และฝรั่งเศส จะค้นพบร่างของจหอ์นสันที่ถูกทิ้งไว้ในที่ห่างไกลในวันศุกร์(6 ต.ค)
อย่างไรก็ตามในรายงานเมื่อวันเสาร์(7 ต.ค)ก่อนหน้า ชี้ว่า การหายตัวไปของจอห์นสัน กลับไม่มีนายทหารเพื่อนร่วมทีมคนใดรับทราบ ไม่มีการยืนยันการถูกลักพาตัว หรือการถูกจับเป็นตัวประกัน ของสิบเอกจอห์นสัน วัย 25 ปี แม้แต่น้อย และทำให้มาจนถึงเวลานี้ ยังเป็นปริศนาว่าเหตุใดเขาจึงหายตัวไป และถูกพบเป็นศพในพื้นที่ห่างไกล
แหล่งข่าวสหรัฐฯยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในขณะนี้ทางรัฐบาลทรัมป์ได้พยายามแก้เกมส์ด้วยการอยู่ในระหว่างการเจรจากับรัฐบาลไนเจอร์เพื่อเปิดทางอนุญาตให้กองกำลังสหรัฐฯสามารถใช้ปฎิบัติการทางทหารได้เต็มรูปแบบเพื่อทำการตอบโต้กับกลุ่มก่อการร้ายที่ได้สังหารนายทหารรบพิเศษสหรัฐฯ
ในขณะเดียวกันแหล่งข่าวยังกล่าวว่า ทางกองทัพฝรั่งเศสอยู่ในระหว่างการสอบสวนเพื่อหาข่าวกรองในการชี้ตัวผู้ที่อยู่เบื้องหลังการซุ่มโจมตีครั้งนี้
ทั้งนี้ในวันพฤหัสบดี(8 ต.ค) 1 วันหลังเกิดเหตุ โฆษกกระทรวงกลาโหมฝรั่งเศสให้สัมภาษณ์กับ CNN ว่า กองกำลังฝรั่งเศสจากหน่วยต่อต้านก่อการร้าย Barkhane ซึ่งมีฐานอยู่ในประเทศชาด มีส่วนร่วมในปฎิบัติการในไนเจอร์ โดยทางโฆษกหญิงชี้ว่า ปฎิบัติการนี้มีการสนธิกำลังระหว่างกองกำลังฝรั่งเศสกับกองกำลังทหารไนเจอร์
ในวันจันทร์(9 ต.ค) เสนาธิการกองทัพบกสหรัฐฯ พลเอก มาร์ก เอ. มิลลีย์ ((Mark A. Milley)ได้กล่าวให้สัมภาษณ์นอกรอบการประชุมประจำปีของสมาพันธ์กองทัพสหรัฐฯ (the Association of the United States Army) ที่ถูกจัดขึ้นในกรุงวอชิงตัน ดีซีว่า
“ทางเรามีข้อมูลของกลุ่มที่ทำการลงมือ ธรรมชาติของกลุ่มพวกนี้ รวมไปถึงลักษณะนิสัยของทางกลุ่ม ซึ่งทางหน่วยงานสหรัฐฯที่เกี่ยวข้องภายในกองทัพสหรัฐฯกำลังอยู่ในระหว่างการหาข้อมูล และจะมีปฎิบัติการเกิดขึ้นตามความเหมาะสม”
การที่กองกำลังรบพิเศษกรีเบเรต์ของสหรัฐฯถูกซุ่มโจมตีนี้ สร้างเสียงตำหนิถึงการข่าวกรองของกองทัพสหรัฐฯในการประเมินฝ่ายตรงข้ามที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลของไนเจอร์
ซึ่งหนึ่งในเจ้าหน้าที่สหรัฐฯได้เปิดเผยกับ CNN ว่า หน่วยข่าวกรองของกองทัพสหรัฐฯชี้ว่า “ไม่ดูเหมือนว่า” กองกำลังสหรัฐฯนั้นจะเดินเข้าหากองกำลังของฝ่ายตรงข้าม “นี่ไม่ใช่สิ่งที่คาดไว้” แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่สหรัฐฯกล่าว
และเสริมต่อว่า **** “หากทางเรารู้ว่า จะมีการซุ่มโจมตีเช่นนี้เกิดขึ้น ทางเราจะทุ่มเททรัพยากรทางการทหารมากกว่านี้เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น และนี่เป็นสิ่งที่ทางเรากำลังประเมินอยู่ในเวลานี้” ****
ทั้งนี้แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ทางทหารของกองทัพสหรัฐฯยอมรับกับ CNN ว่า เหตุการณ์ซุ่มโจมตีในไนเจอร์นี้อยู่ในระหว่างการสอบสวน และรวมไปถึงขั้นตอนปฎิบัติการทางความมั่นคงของหน่วยปฎิบัติการในแอฟริกากำลังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ
เสนาธิการกองทัพบกสหรัฐฯกล่าวยืนยันว่า ทางกองบัญชาการสหรัฐฯประจำแอฟริกา( US Africa Command)อยู่ในระหว่างการประเมินทุกขั้นตอนของการปฎิบัติ รวมไปถึงการประเมินเป้าหมายปฎิบัติการที่ทางหน่วย ข้าศึก พื้นที่ เวลา และทุกสิ่งเพื่อที่จะทำให้มีการลดความเสี่ยงต่อการสูญเสียลง
อ้างอิงจากแหล่งข่าวกองทัพไนเจอร์ ได้มีการระบุว่า ทางกองกำลังสหรัฐฯอยู่ในระหว่างการฝึกกองกำลังไนเจอร์ 30 นายในช่วงเกิดเหตุ ซึ่งพบว่าในส่วนของกองทัพไนเจอร์ มีกองกำลังทหารของไนเจอร์ถูกสังหาร 5 นายในเหตุการณ์ซุ่มโจมตีนี้