เอเจนซีส์ - เมื่อวานนี้ (7 ต.ค.) มานซัวร์ อัล- อัมรี (Mansour al-Amri) มือปืนวัย 28 ปี ชาวซาอุฯ ขับรถเข้ามายังพระราชวังที่ประทับของสมเด็จพระราชาธิบดีซัลมาน บิน อับดุลลาซิซ ช่วงฤดูร้อนในเมืองเจดดาห์ พร้อมกับอาวุธปืนไรเฟิล AK-47 และระเบิดเพลิง แต่ต้องถูกหยุดที่ด่านตรวจ ก่อนเริ่มเปิดฉากยิงใส่เจ้าหน้าที่ สังหารยามรักษาการณ์พระราชวังซาอุฯ ไป 2 นาย มีผู้บาดเจ็บ 3 คน ส่วนมือปืนก่อเหตุถูกยิงเสียชีวิต
อัลญะซีเราะห์ สื่อกาตาร์ รายงานวันนี้ (8 ต.ค.) ว่า เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นบริเวณประตูทางทิศตะวันตกของพระราชวังอัล-ซาลาม (Al-Salam Palace) ที่ประทับในสมเด็จพระราชาธิบดีซัลมาน บิน อับดุลลาซิซ แห่งซาอุดีอาระเบียเมื่อวันเสาร์ (7)
พบพลเมืองซาอุฯ วัย 28 ปี มานซัวร์ อัล- อัมรี (Mansour al-Amri ) ก่อเหตุไม่คาดฝัน เดินทางมายังพระราชวังแห่งนี้ด้วยรถส่วนตัวพร้อมอาวุธร้ายแรง ปืนไรเฟิล AK-47 และระเบิดเพลิงโลโมตอฟ อ้างอิงจากสำนักข่าวซาอุฯ พบว่ามือปืนรายนี้เดินออกมาจากรถบริเวณจุดตรวจรักษาความปลอดภัยพระราชวังฝั่งประตูทิศตะวันตก และเริ่มใช้ปืนไรเฟิลกราดยิงไปที่เจ้าหน้าที่
ส่งผลทำให้มียามรักษาการณ์พระราชวังเสียชีวิต 2 นาย และมีผู้บาดเจ็บอื่นอีก 3 คน ส่วนอัล-อัมรีถูกเจ้าหน้าที่ยามรักษาการณ์พระราชวังอัล-ซาลามยิงเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ
สื่อกาตาร์รายงานว่า เหตุเกิดขึ้นระหว่างที่กษัตริย์ซัลมานไม่ได้ประทับอยู่ในพระราชวัง ซึ่งในเวลานี้พระองค์กำลังอยู่ในระหว่างการเสด็จเยือนรัสเซียอย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ระหว่าง 2 ชาติในการเสด็จเยือนรัวเซียอย่างเป็นทางการของพระราชวงศซาอุฯ
ทั้งนี้ พบว่าพระราชวังอัล-ซาลามแห่งนี้ถูกใช้ในการประกอบพะราชกรณียกิจของสมาชิกพระราชวงศ์ช่วงฤดูร้อน พระราชวังตั้งอยู่ใกล้กับถนนคิงอับดุลลาซิสและถนนอันดาลุส (Andalus Road) ใกล้กับชายฝั่งทะเลแดงของเมืองเจดดาห์
ด้าน มานซัวร์ อัล-เตอร์กี (Mansour al-Turki) โฆษกกระทรวงมหาดไทยซาอุฯ กล่าวให้สัมภาษณ์กับทีวีอัลอาราบียาว่า ไม่พบว่าคนร้ายรายนี้มีประวัติอาชญากร หรือมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มก่อการร้าย และเสริมว่า ในเวลานี้คดีกำลังอยู่ในระหว่างการสอบสวนเพื่อหาถึงแรงจูงในในการก่อเหตุ
เหตุร้ายที่เกิดขึ้นใกล้กับพระราชวังกษัตริย์ซัลมานทำให้สถานทูตสหรัฐฯ ออกประกาศคำเตือนพลเมืองสหรัฐฯในวันเสาร์ (7) ให้ใช้ความระมัดระวังในขณะกำลังเดินทางในเมืองเจดดาห์
