รอยเตอร์ - ศาลสูงสุดสหรัฐฯ มีคำพิพากษาวานนี้ (12 ก.ย.) ให้ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ สามารถสั่งแบนผู้ลี้ภัยจากทั่วโลกอย่างกว้า้งขวาง หลังจากที่รัฐบาลได้ขอให้ศาลสูงสุดใช้อำนาจยับยั้งคำสั่งของศาลอุทธรณ์ซึ่งจะเปิดทางให้มีผู้ลี้ภัยเดินทางเข้าสหรัฐฯ ได้เพิ่มอีกราวๆ 24,000 คน
คำตัดสินของศาลสูงสุดถือเป็นการหยิบยื่นชัยชนะบางส่วนให้แก่ ทรัมป์ ก่อนที่ศาลจะเริ่มไต่สวนในเดือน ต.ค. ว่าประธานาธิบดีผู้นี้ใช้อำนาจโดยชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ในการออกคำสั่งบริหารห้ามชาวมุสลิมจาก 6 ประเทศเดินทางเข้าสหรัฐอเมริกา และจำกัดการรับผู้ลี้ภัย
ทรัมป์ ประกาศคำสั่งเมื่อวันที่ 6 มี.ค. ว่าสหรัฐฯ จะไม่อนุญาตให้ชาวมุสลิมจากอิหร่าน ลิเบีย โซมาเลีย ซูดาน ซีเรีย และเยเมน เดินทางเข้าประเทศเป็นเวลา 90 วัน และงดรับผู้ลี้ภัยส่วนใหญ่เป็นเวลา 120 วัน โดยให้เหตุผลว่าต้องการสกัดภัยคุกคามก่อการร้าย และเพื่อให้รัฐบาลได้มีเวลาคิดหามาตรการคัดกรองคนที่เข้มงวดยิ่งขึ้น
คำสั่งนี้เริ่มมีผลบังคับใช้ในช่วงปลายเดือน มิ.ย. หลังจากศาลสูงสุดได้พิพากษาลดขอบเขตของคำสั่งศาลชั้นต้นลงมา
สัปดาห์ที่แล้ว ศาลอุทธรณ์ที่ 9 (9th US Circuit Court of Appeals) ได้ตัดสินให้ปู่ย่าตายาย, ลุงป้าน้าอา และลูกพี่ลูกน้องของผู้ที่มีถิ่นพำนักในสหรัฐอเมริกาอย่างถูกกฎหมาย ได้รับการยกเว้นจากคำสั่งแบนด้วย ซึ่งกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ไม่ได้อุทธรณ์คัดค้านในประเด็นนี้
อย่างไรก็ตาม ศาลอุทธรณ์เขต 9 ยังวินิจฉัยด้วยว่า นโยบายแบนผู้ลี้ภัยของ ทรัมป์ นั้น “กว้างเกินไป” และศาลอนุญาตให้ผู้ลี้ภัยทั่วโลกที่ถือเอกสารรับรองจากองค์กรตั้งถิ่นฐานในสหรัฐฯ สามารถเดินทางเข้าประเทศได้
กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ไม่ยอมรับในประเด็นดังกล่าว และได้อุทธรณ์ไปยังศาลสูงสุด ซึ่งศาลก็ได้อ่านคำพิพากษาสั้นๆ เพียง 1 ประโยคเข้าข้างฝ่ายรัฐบาลเมื่อวานนี้ (12)
เนารีน ชาห์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายรณรงค์ขององค์การนิรโทษกรรมสากล (เอไอ) ในสหรัฐฯ ประณามคำสั่งแบนผู้ลี้ภัยของ ทรัมป์ ว่าเป็นเรื่องโหดร้ายทารุณ
“วันนี้เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ศาลสูงสุดลงโทษผู้อ่อนแอที่แสวงหาความปลอดภัยให้แก่ตนเองและครอบครัว... พวกเขาตกเป็นเหยื่อการทารุณกรรมและการข่มขู่ที่ยากจะจินตนาการได้ และกำลังเผชิญความทุกข์แสนสาหัส”
ก่อนที่ศาลสูงสุดจะอ่านคำพิพากษา กลุ่มทนายความในรัฐฮาวายซึ่งคัดค้านนโยบายของ ทรัมป์ ได้ยื่นคำร้องต่อศาลว่า รัฐบาล “ยังสามารถปิดกั้นไม่ให้ผู้ลี้ภัยหลายแสนคนเดินทางเข้าประเทศได้” และสิ่งที่ศาลอุทธรณ์เขต 9 ทำนั้น “ก็แค่ปกป้องผู้ลี้ภัยกลุ่มเปราะบาง และเปิดทางให้แก่องค์กรในอเมริกาที่พร้อมจะต้อนรับคนเหล่านี้”
ดัก ชิน อัยการสูงสุดรัฐฮาวาย ยืนยันว่าจะเคารพคำตัดสินของศาลสูงสุด และเตรียมที่จะเข้าร่วมการไต่สวนในวันที่ 10 ต.ค.