รอยเตอร์ - ประธานาธิบดีเรเจป ตัยยิบ แอร์โดอัน แห่งตุรกี ในวันศุกร์ (1 ก.ย.) ระบุว่าการตายของชาวโรฮีนจาในพม่าหลายร้อยคนในสัปดาห์ที่ผ่านมา เข้าองค์ประกอบของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โดยเป้าหมายคือชุมชนมุสลิมในภูมิภาค
จากข้อมูลอย่างเป็นทางการพบว่า มีผู้เสียชีวิตเกือบ 400 คนในเหตุสู้รบที่สั่นสะเทือนภาคตะวันตกเฉียงเหนือของพม่ามานานราว 1 สัปดาห์ ส่งผลให้มันอาจเป็นเหตุความรุนแรงนองเลือดครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบหลายทศวรรษที่เกิดขึ้นกับชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมโรฮีนจาในประเทศแห่งนี้
“เหตุการณ์ที่นั่นคือการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ พวกเขายังคงปิดปากเงียบกันในเรื่องนี้ การเมินหน้าหนีของทุกฝ่ายจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่ทำภายใต้หน้ากากประชาธิปไตย เป็นส่วนหนึ่งของการสังหารหมู่นี้เช่นกัน” แอร์โดอันกล่าว
รัฐยะไข่ซึ่งมีพรมแดนติดกับบังกลาเทศ กลายเป็นศูนย์กลางความขัดแย้งทางศาสนาระหว่างชาวพุทธพม่าและมุสลิมโรฮีนจา โดยรัฐบาลพม่านั้นไม่ยอมรับชาวโรฮีนจาเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่กลับเรียกว่า “เบงกาลี” ซึ่งหมายถึงผู้อพยพผิดกฎหมายจากบังกลาเทศ และชาวโรฮีนจาส่วนใหญ่ถูกปฏิเสธความเป็นพลเมือง
กองทัพพม่าอ้างว่า พวกเขาปฏิบัติการกวาดล้างกลุ่มก่อการร้ายเพื่อปกป้องพลเรือน ส่วนรัฐบาลกล่าวโทษกลุ่มก่อการร้ายโรฮีนจา และผู้ที่เห็นอกเห็นใจพวกเขาสำหรับความรุนแรงที่ยังเกิดขึ้นต่อเนื่อง
เหตุปะทะในรัฐยะไข่ระลอกล่าสุดนี้ เป็นส่วนหนึ่งของสถานการณ์ความไม่สงบที่ปะทุขึ้นตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว เมื่อกลุ่มติดอาวุธโรฮีนจาเข้าโจมตีกองกำลังความมั่นคงของพม่าหลายครั้ง นำไปสู่การกวาดล้างครั้งใหญ่ที่ยูเอ็นชี้ว่าอาจเป็นการ “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” ขณะที่นักสิทธิมนุษยชนกล่าวหาว่ากองทัพพม่าละเมิดสิทธิของชาวมุสลิมโรฮีนจาอย่างร้ายแรง โดยมีทั้งการเข่นฆ่าสังหาร การข่มขืน การเผาบ้านเรือนและอาคารอื่นๆ นับพันหลัง
แอร์โดอันซึ่งมีรากเหง้าแนวคิดแบบอิสลามบอกว่า มันเป็นความรับผิดชอบทางศีลธรรมของตุรกีที่ต้องยืนหยัดต่อต้านเหตุการณ์ต่างๆ ในพม่า
แหล่งข่าวของสหประชาชาติเผยว่า มีชาวโรฮีนจาราว 38,000 คน หลบหนีจากพม่าไปยังบังกลาเทศ ในช่วงเวลาแค่ 1 สัปดาห์ หลังจากพวกก่อความไม่สงบโรฮีนจาลงมือโจมตีป้อมตำรวจและค่ายทหารแห่งหนึ่งในรัฐยะไข่ ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการปะทะ และกองทัพเปิดปฏิบัติการกวาดล้างตอบโต้
