เอเอฟพี – พลเรือนอย่างน้อย 42 คนเสียชีวิตเมื่อวานนี้ (21) ในการโจมตีทางอากาศที่นำโดยสหรัฐฯต่อพื้นที่ของกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในเมืองรอกเกาะห์ของซีเรีย กลุ่มสังเกตการณ์ ระบุ
เด็ก 19 คนและผู้หญิง 12 คนอยู่ในหมู่ผู้เสียชีวิตในการโจมตีนี้ที่เกิดขึ้นในหลายชุมชนในเมืองทางตอนเหนือแห่งนี้ กลุ่มสังเกตการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในซีเรีย (Syrian Observatory for Human Rights) บอกกับเอเอฟพีในวันนี้ (22)
ยอดผู้เสียชีวิตดังกล่าวออกมาในวันที่สองของการทิ้งระเบิดใส่เมืองรอกเกาะห์ที่กว่าครึ่งอยู่ในการควบคุมของกองกำลังประชาธิปไตยซีเรียที่ต่อสู้กับไอเอสโดยได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ
ตัวเลขล่าสุดสำหรับการโจมตีเมื่อวันจันทร์ (21) ทำให้จำนวนพลเรือนที่เสียชีวิตในการโจมตีของกลุ่มพันธมิตรอยู่ที่ 167 คนนับตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคม หลังจากกลุ่มสังเกตการณ์ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 27 คนเมื่อวานนี้ (21)
“ยอดผู้เสียชีวิตพุ่งสูงเนื่องจากการโจมตีทางอากาศเกิดขึ้นในชุมชนใจกลางเมืองนี้ที่มีพลเรือนอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น” รามี อับเดล เราะห์มาน ผู้อำนวยการกลุ่มสังเกตการณ์ ระบุ
“มีสิ่งปลูกสร้างที่เต็มไปด้วยพลเรือนซึ่งกำลังพยายามอยู่ห่างจากแนวหน้า”
“การโจมตีทางอากาศของกลุ่มพันธมิตรกำลังมุ่งเป้าสิ่งปลูกสร้างใดๆ ก็ตามที่มีการตรวจพบการเคลื่อนไหวทุกรูปแบบของกลุ่มดาเอช” เขาบอกกับเอเอฟพี โดยเรียกกลุ่มไอเอสด้วยชื่อย่อภาษาอาหรับ
องค์การสหประชาชาติประเมินว่า มีพลเรือนติดอยู่ในเมืองนี้มากสุด 25,000 คน พร้อมกับขาดแคลนเสบียงอาหารและเชื้อเพลิงและราคาสินค้าสูงเกินเหตุ
ตัวแทนเจรจาด้านมนุษยธรรมของยูเอ็นประจำซีเรีย แจน อีเจอแลนด์ กล่าวว่า ในตอนนี้อาณาเขตของไอเอสในเมืองรอกเกาะห์เป็น “สถานที่เลวร้ายที่สุด” ประเทศนี้
มีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 330,000 คนในความขัดแย้งซีเรียที่เริ่มต้นด้วยการประท้วงต่อต้านรัฐบาลในปี 2011 แต่ภายหลังขยายเป็นสงครามเต็มรูปแบบที่ดึงหลายหลายชาติมหาอำนาจเข้ามาเกี่ยวข้อง
กลุ่มพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯซึ่งปฏิบัติการในทั้งซีเรียและอิรักระบุว่า พวกเขาใช้ทุกมาตรการที่เป็นไปได้เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียชีวิตของพลเรือน
เมื่อเดือนสิงหาคม พวกเขายอมรับมีพลเรือนชีวิต 624 คนในการโจมตีในซีเรียและอิรักนับตั้งแต่ปี 2014 แต่กลุ่มสิทธิระบุว่า ตัวเลขจริงสูงกว่านั้นมาก