มาร์เกตวอตช์/เอเอฟพี - ราคาน้ำมันขยับขึ้นในวันพุธ (9 ส.ค.) หลังรัฐบาลสหรัฐฯ เผยสต๊อกเชื้อเพลิงสำรองลดลง 9 สัปดาห์ติดต่อกัน ขณะที่วอลล์สตรีทปิดลบและทองคำทะยานกว่า 16 ดอลลาร์ นักลงทุนกังวลต่อสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างอเมริกากับเกาหลีเหนือ
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด เดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 39 เซ็นต์ ปิดที่ 49.56 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 56 เซ็นต์ ปิดที่ 52.70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ เผยแพร่รายงานในวันพุธ (9 ส.ค.) ระบุว่า คลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 4 สิงหาคม ลดลง 6.5 ล้านบาร์เรล นับเป็นการลดลงสัปดาห์ที่ 9 ติดต่อกัน
อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันไม่อาจพุ่งทะยานไปได้มากนัก สืบเนื่องจากความกังวลทางภูมิรัฐศาสตร์เกี่ยวกับสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับเกาหลีเหนือ และปัจจัยนี้เองที่ฉุดให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบในวันพุธ (9 ส.ค.)
ดาวโจนส์ ลดลง 36.64 จุด (0.17 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 22,048.70 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 0.90 จุด (0.04 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,474.02 จุด แนสแดค ลดลง 18.13 จุด (0.28 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 6,352.33 จุด
นักวิเคราะห์ชี้ว่า ตลาดถูกกดดันจากคำเตือนอันแข็งกร้าวจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ส่งถึงเกาหลีเหนือ ในนั้นรวมถึงข้อความที่โพสต์ลงบนทวิตเตอร์ในวันพุธ (9 ส.ค.) ซึ่งคุยโวว่าตอนนี้คลังแสงนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ ทรงพลานุภาพมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา
ขณะเดียวกัน เจมส์ แมททิส รัฐมนตรีกลาโหม สหรัฐฯ ก็ส่งเสียงไปในทิศทางเดียวกับทรัมป์ โดยบอกว่าเกาหลีเหนือต้องหยุดโดดเดี่ยวตนเองและหยุดแสวงหาอาวุธนิวเคลียร์ นอกจากนี้ยังควรละเว้นพฤติกรรมใดๆ ที่อาจนำไปสู่จุดจบของระบอบการปกครองของพวกเขาและทำลายประชาชนชาวเกาหลีเหนือเสียเอง
ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีเหนือ กระตุ้นให้นักลงทุนแห่ถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ และดันราคาทองคำพุ่งแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคมในวันพุธ (9 ส.ค.) โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 16.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,279.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์