เอเจนซีส์ - เมื่อวานนี้(30 ก.ค) ประชาชนเวเนซุเอลาเลือกตั้งสมาชิกสภาล่างรัฐธรรม ท่ามกลางการประท้วงเดือดระหว่างฝูงประชาชนที่ไม่เห็นด้วย เกิดความรุนแรงตามมา และมีคนเสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 14 คน หลังผู้นำเวเนฯประกาศชัด ต้องการล้มรัฐสภาเดิมที่ถูกฝ่ายค้านยึด อื้ออึงคาราคัสข่มขู่ พลเมืองเวเนฯต้องเลือก ระหว่างเข้าคูหากาออกเสียง หรือเสี่ยงจะถูกตัดเงินสวัสดิการช่วยเหลือ
หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ รายงานวันนี้(31 ก.ค)ว่า การเลือกตั้งในวันอาทิตย์(30 ก.ค)ของเวเนซุเอลาถือเป็นการชี้อนาคตของประเทศ โดยการลงคะแนนสนับสนุนจะทำให้ประธานาธิบดีเวเนซุเอลา นิโกลัส มาดูโร สามารถยุบระบบรัฐสภา(the National Assembly) ในปัจจุบันที่มีฝ่ายค้านนั่งคุมเป็นเสียงสุดใหญ่ และเปลี่ยนให้เป็นสภาร่างรัฐธรรมนูญที่จะมีอำนาจเขียนกฎหมายรัฐธรรมนูญเวเนซุเอลาใหม่
การเลือกตั้งเกิดขึ้นท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา และการปะทะอย่างดุเดือด ระหว่างตำรวจปราบจลาจลและกลุ่มผู้ประท้วงที่แสดงความไม่เห็นด้วย เพราะเกรงเวเนซุเอลาจะเข้าสู่ความเป็นประเทศเผด็จการเต็มตัว
ด้านเอ็นริเก คาปริเลซ ( Henrique Capriles ) ผู้นำฝ่ายค้านเวเนซุเอลา ได้เปิดเผยตัวเลขผู้เสียชีวิตจากการประท้วงว่ามีราว 14 คน ซึ่งสำนักงานอัยการเวเนฯได้ยืนยันตัวเลขผู้เสียชีวิต มีไม่ต่ำกว่า 6 รายจากเหตุโดนยิง ซึ่งในจำนวนผู้เสียชีวิตมีทหารเนชันแนลการ์ด 1 นาย และตำรวจอีก 7 นายได้รับบาดเจ็บจากระเบิดที่เกิดขึ้นในเขตอัลทาไมรา(Altamira) ฐานของกลุ่มฝ่ายค้าน
แต่อย่างไรก็ตาม ผู้นำพรรครัฐบาล โซเชียลลิส ปาร์ตี ฮอร์ด โรดริเกวซ(Jorge Rodriguez) ออกมาแถลงโต้ว่า “ไม่มีผู้เสียชีวิตแม้แต่รายเดี่ยวที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการเลือกตั้งวันนี้”
สื่ออังกฤษรายงานว่า การเลือกตั้งเมื่อวานนี้(30 ก.ค) สภาการเลือกตั้งแห่งชาติเวเนฯ(National Electoral Council) ต้องยืดระยะเวลาออกไปอีก 1 ช.ม เพราะมีประชาชนจำนวนมากยังต้องการลงคะแนน เพราะไม่สามารถทำได้ในช่วงแรก ซึ่งในรายงานอย่างเป็นทางการ แสดงภาพในแง่บวกถึงกระบวนการเลือกตั้ง ซึ่งขัดแย้งกับภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้น โดยเดอะการ์เดียนระบุว่า จากเหตุการณ์ปะทะที่มีขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการประท้วงบอยคอต ไม่เข้าคูหาของผู้มีสิทธิ์
ซึ่งเดอะการ์เดียนรายงานว่า อาจเกิดจากประชาชนเวเนฯเกรงจะต้องถูกลากเข้าสู่ความรุนแรงบนท้องถนน หรือเดินตามนโยบายฝ่ายค้าน ที่ประกาศการบอยคอตการเลือกตั้งวันอาทิตย์(30 ก.ค)
ทั้งนี้พบว่า ประธานาธิบดี นิโกลัส มาดูโร ได้เดินทางมาลงคะแนนตั้งแต่คูหาการเลือกตั้งเปิดทำการไม่นาน ซึ่งพบว่า คูหาการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างฯเวเนฯเปิดในเวลา 6.00 น. และหลังจากที่มาดูโรหย่อนบัตรแล้ว เขาได้กล่าวว่า “โหวตแรกสำหรับสันติภาพ”
อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลังของวัน จากผลโพลออกมาชี้ว่า มีผู้อออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งครั้งล่าสุดนี้ต่ำ ซึ่งเป็นการเลือกสมาชิกทั้งหมด 545 คน เพื่อเข้าทำหน้าที่ร่างกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
ทั้งนี้ในเขตชนชั้นแรงงานในเปตาเร(Petare ) พบว่า ประชาชนที่อาศัอยอยู่ในเขตต่างถูกข่มขู่ว่า หากไม่เดินทางไปลงคะแนนที่คูหา ประชาชนเหล่านี้อาจถูกตัดเงินช่วยเหลือจากคาราคัส หรือแม้แต่งานที่กำลังทำ แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับจุดลงคะแนนบริเวณสนามกีฬา โปเลียโด สปอร์ติง อารีนา(Poliedro sporting arena) ซึ่งเป็นสถานที่ลงคะแนนสำหรับประชาชนในกรุงคาราคัสที่ไม่สามารถเดินทางไปลงคะแนนที่คูหาของตนตามปกติ ได้รับอนุญาตให้สามารถเดินทางมาที่ศูนย์เลือกตั้งจุดนี้เพื่อใช้สิทธิ์ได้
โดยผู้ที่เดินทางมาใช้สิทธิ์ในจุดนี้ ต่างกล่าวถึงฝูงชนจำนวนมากที่ต้องต่อแถวยาว และพบว่ามีการตั้งแผงรักษาความปลอดภัยรอบคูหาการเลือกตั้งในแต่ละจุด และนักข่าวไม่ได้รับอนุญาตให้ผ่านเข้าไป
ในการสำรวจความนิยมในตัวมาดูโรก่อนวันลงคะแนน พบว่า ประธานาธิบดี นิโกลัส มาดูโร นั้นมีความนิยมตกต่ำมาก โดยมีเพียงแค่ 20 % เท่านั้น และมีประชาชนชาวเวเนฯถึง 70% ไม่ต้องการให้เวเนฯมีสภาร่างรัฐธรรมนูญ ที่จะร่างรัฐธรรมนูญใหม่เพื่อถูกใช้แทนรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันที่ถูกประกาศใช้ในปี 1999 ซึ่งมาดูโรแถลงวันเสาร์(29 ก.ค) ว่า สภถาร่างฯจะมีอำนาจเด็ดขาดเหนือทุกหน่วยงาน ซึ่งจะถอดภูมิคุ้มกันของสมาชิกรัฐสภาเวเนฯจากการไม่ถูกดำเนินคดี
ในขณะเดียวกัน สหรัฐฯออกมาประณามคาราคัสในการจัดเลือกตั้งฉาว โดยยืนยันว่า ทางวอชิงตันจะใช้มาตรการที่แข็งกร้าวอย่างรวดเร็วเพื่อตอบโต้ “การออกแบบทางอำนาจนิยมของเวเนซุเอลา” หลังจากที่มีการประท้วงและการปะทะอย่างรุนแรงบนท้องถนนวันอาทิตย์(30 ก.ค) ในระหว่างช่วงเวลาการเลือกตั้ง
โดยในแถลงการณ์ กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯกล่าวว่า “สหรัฐอเมริกาขอยืนเคียงข้างประชาชนเวเนซุเอลา และผู้แทนทางรัฐธรรมนูญของประชาชนเหล่านี้ ในความพยายามที่ต้องการที่จะทำให้ความเข้มแข็งทางประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์นั้นกลับคืน” และกล่าวต่อว่า “ทางเราจะยังคงใช้มาตรการที่แข็งกร้าวอย่างรวดเร็วเพื่อตอบโต้การออกแบบทางอำนาจนิยมของเวเนซุเอลา รวมไปถึงใครก็ตามที่เข้าร่วมในสภาร่างรัฐธรรมนูญ จากผลของช่องโหว่ของการเลือกตั้งวันนี้(30 ก.ค)”
ด้านนิกกี เฮลีย์(Nikki Haley) เอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำยูเอ็นออกแถลงการณ์ทางทวิตเตอร์ โจมตีการเลือกตั้งวันอาทิตย์(30 ก.ค)ว่า “การเลือกตั้งที่น่าละอายของมาดูโรถือเป็นอีก 1 ก้าวที่จะเข้าใกล้ต่อความเป็นเผด็จการ ทางเราจะไม่ขอยมรับต่อรัฐบาลที่ผิดกฎหมาย ประชาชนเวเนซุเอลาและประชาธิปไตยจะต้องถูกเปิดเผย”