xs
xsm
sm
md
lg

“ยูไนเต็ดแอร์ไลน์ส” หยุดทุกเที่ยวบินไปเวเนฯ ก.ค.นี้ ประท้วงหิวจัดระอุ อาหารหมดประเทศ “เหยื่อถูกมีดแทง-ไฟเผาดับแล้ว”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


รอยเตอร์/เอเจนซีส์/MGR ออนไลน์ - “ยูไนเต็ดแอร์ไลน์ส” ประกาศหยุดให้บริการทุกเที่ยวบินไปและกลับเวเนซุเอลา ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป หลังพบมีนักท่องเที่ยวเดินทางน้อย-ไม่ทำเงิน ท่ามกลางประท้วงใหญ่วันเสาร์ (3 มิ.ย.) ประชาชนเวเนฯ หิวหนัก ตบเท้าลงถนน เคาะหม้อและกระทะบอกผู้นำ อาหารหมดประเทศ ล่าสุด รัฐมนตรีกระทรวงสื่อสารเวเนฯ แจงทางทวิตเตอร์วันอาทิตย์ (4)  “ออร์ลานโด ฟิกูเอรา” (Orlando Figuera) ผู้สนับสนุนคาราคัสวัย 21 ปี เหยื่อถูกแทงและเผาจากฝ่ายตรงข้ามในการประท้วงวันที่ 20 พ.ค.เสียชีวิตแล้ว กลายเป็นรายที่ 65 เหยื่อประท้วงรุนแรง

รอยเตอร์รายงานวันเสาร์ (3 มิ.ย.) ว่า สายการบินสัญชาติสหรัฐอเมริกา ยูไนเต็ดแอร์ไลน์ส กลายเป็นสายการบินหลักอีกแห่งที่ยอมโบกมืออำลาประธานาธิบดีนิโกลัส มาร์ดูโร หลังล่าสุดในแถลงการณ์ของทางบริษัทฯ ที่ส่งถึงรอยเตอร์ยืนยันว่าทุกเที่ยวบินระหว่างท่าอากาศยานนานาชาติ จอร์จบุช อินเตอร์คอนติเนนตัลเมืองฮุสตัน และกรุงคาราคัส สำหรับเส้นทางการบินที่มีให้บริการทุกวัน จะหยุดตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค นี้เป็นต้นไป

โดยรอยเตอร์ชี้ว่า ถึงแม้ว่าเที่ยวบินนี้จะเป็นที่นิยมในหมู่กลุ่มผู้บริหารระดับสูงของเวเนซุเอลา และชาวเวเนฯ ที่อาศัยอยู่ในสหรัฐฯ แต่กลับพบว่ามีจำนวนนักท่องเที่ยวน้อยมากที่เดินทางไปประเทศละตินที่ตกอยู่ในวิกฤตเศรษฐกิจแห่งนี้ และยังพบว่าเป็นเที่ยวบินที่มีผู้โดยสารขึ้นใช้บริการต่ำมากโดยเฉลี่ย

ในแถลงการณ์ของทางยูไนเต็ดแอร์ไลน์สชี้ว่า “ในทุกตลาดที่เรามีสัดส่วน ทางสายการบินจะทำการประเมินอย่างสม่ำเสมอต่อดีมานด์สำหรับการให้บริการ และเป็นเพราะเที่ยวบินฮุสตันและคาราคัสนั้นไม่สามารถบรรลุเป้าหมายทางการเงินของบริษัทที่ตั้งไว้ได้ ทำให้ทางเราได้ตัดสินใจที่ระงับการขึ้นบิน ซึ่งจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค นี้” ชาร์ลส์ โฮบาร์ต (Charles Hobart) โฆษกยูไนเต็ดแอร์ไลน์สกล่าวผ่านแถลงการณ์

ทั้งนี้ พบว่านอกเหนือไปจากปัญหาค่าสุกลเงิน และการไม่ทำกำไรที่จะขึ้นบิน ทางบริษัท ยูไนเต็ดแอร์ไลน์สยังเกรงไปถึงปัญหาความไม่ปลอดภัยต่อพนักงานภาคพื้นของทางบริษัท

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาบริษัทสายการบินจำนวนมากต่างประสบปัญหาในการให้บริการไปเวเนซุเอลา หลังจากรัฐบาลคาราคัสปฎิเสธที่จะจ่ายเงินคืนให้แก่ทางบริษัทสายการบินเหล่านี้ในปัญหา “ค่าเงินแข็งตัว” ต่อราคาตั๋วที่ถูกจ่ายเป็นสกุลเงินของเวเนซุเอลา ซึ่งอยู่ในอัตตราแลกเปลี่ยนที่ถูกควบคุมของรัฐบาลโซเชียลลิสต์ของมาดูโร และบริษัทสายการบินต่าาชาติต่างออกมาชี้ว่า คาราคัสเป็นหนี้พวกเขาจำนวนหลายพันล้านดอลลาร์

วันเสาร์ (3 มิ.ย.) ยังเป็นวันที่มาดูโรประสบปัญหาจากการประท้วงครั้งใหญ่โดยกลุ่มประชาชนที่ไม่พอใจต่อการบริหาร หลังจากวิกฤตอาหารขาดแคลนในประเทศส่งผลอย่างหนักอีกครั้งในช่วง 2 เดือนล่าสุด

พบว่าปัญหาสินค้าขาดแคลนทำให้ประชาชนเวเนฯ ต่างใช้หม้อและกะทะแสดงความไม่พอใจ ผู้ประท้วงที่อยู่ในชุดมิดชิด และมีหน้ากากกันแก๊สพิษปกปิดใบหน้าเคาะหม้อและกะทะแสดงความโกรธไปยังคาราคัส ในขณะที่มีบางส่วนใช้อาวุธในมือที่หาได้ เช่น ขวด หรือก้อนหินขว้างไปที่ตำรวจปราบจลาจล และทำให้ถูกตอบโต้กลับมาด้วยแก๊สน้ำตา

สื่ออังกฤษ inquisitr. รายงานว่า พบว่ากว่า 93% ของประชาชนเวเนซุเอลาปัจจุบัน ไม่สามารถหาซื้ออาหารได้อย่างเพียงพอสำหรับการมีชีวิตในแต่ละวัน และได้กลายเป็นสิ่งปกติปัจจุบันไปแล้วในประเทศแห่งนี้ ที่จะพบเห็นชาวเวเนฯคุ้ยขยะข้างทางเพื่อหาอาหารรับประทาน ส่วนประชาชนคนชั้นกลางในประเทศ ต้องยอมลดจำนวนผักผลไม้และเนื้อสัตว์ที่หาซื้อ เพื่อที่จะทำให้เพียงพอในมื้อต่อไปของทั้งครอบครัว

ในการประท้วงวันเสาร์ (3 มิ.ย.) นอกจากที่บรรดาผู้ประท้วงจะออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลคาราคัส จัดการปัญหาสินค้าขาดแคลนและความหิวโหยแล้ว inquisitr. ชี้ว่า กลุ่มผู้ประท้วงยังเรียกร้องให้ทางการปล่อยตัวนักเคลื่อนไหวที่ถูกจับไปให้เป็นอิสระ พบว่าภายในแค่ไม่ถึง 2 เดือน มีผู้ประท้วงและนักเคลื่อนไหวถูกคาราคัสจับเข้าคุกไปแล้วร่วม 3,000 คน

ข้อเรียกร้องอื่นๆ ที่กลุ่มผู้ประท้วงต้องการ คือ การกำหนดการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ และเรียกร้องให้ประธานาธิบดีเวเนซุเอลายอมตอบรับความช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมจากนานาชาติในรูปอาหารและยา

แต่อย่างไรก็ตาม สื่ออังกฤษชี้ว่า มาดูโรกลับประกาศว่ากลุ่มผู้ประท้วงที่หิวโหยเหล่านั้นแท้จริงคือ “การลุกขึ้นสู้ของขบวนการติดอาวุธ” ที่มีเป้าหมายเพื่อโค่นล้มระบบรัฐบาลโซเชียลลิสต์ของเวเนซุเอลา ซึ่งผู้นำเวเนฯ ชี้ต่อว่า หากประสบความสำเร็จจริงจะเป็นการเปิดประตูให้บริษัทข้ามชาติเข้าสู่ประเทศ และจะเป็นผู้ควบคุมแหล่งบ่อน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในโลกของเวเนซุเอลาสำเร็จ

และวันอาทิตย์ (4 มิ.ย.) ล่าสุด รัฐมนตรีสื่อสารเวเนซุเอลา เอิร์นเนสโต วิลเลสกาซ (Ernesto Villegas) ออกมาแถลงว่า เหยื่อความรุนแรงในการประท้วงเมื่อวันที่ 20 พ.ค. ออร์ลานโด ฟิกูเอรา (Orlando Figuera) วัย 21 ปี ที่ถูกแทงด้วยมีด และถูกจุดไฟเผานั้นเสียชีวิตแล้วที่โรงพยาบาล โดยในครั้งนั้นฟิกูเอราอยู่ในกลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาลคาราคัส และถูกฝ่ายตรงข้ามทำร้ายในการประท้วง ซึ่งหลังเกิดเหตุประธานาธิบดีนิโกลัส มาดูโร ออกมาประณามถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้น

โดยสำนักข่าวซินหวาของจีน รายงานเมื่อวานนี้ (4 มิ.ย.) ว่า ในแถลงการณ์ของวิลเลสกาซทางทวิตเตอร์ เขากล่าวว่า “หนุ่มน้อย ออร์ลานโด ฟิกูเอรา ได้เสียชีวิตแล้วจากการที่การหยุดหายใจและระบบไหลเวียนโลหิตไม่ทำงาน เขาถูกแทงและเผาในระหว่างที่ยังมีชีวิตโดยกลุ่มผู้มีความเกลียดชังในหัวใจ เกิดขึ้นในอัลตามิรา (Altamira) เมื่อวันที่ 20 พ.ค.”

รัฐมนตรีสื่อสารเวเนฯ ยังให้ข้อมูลต่อว่า ร่างของเหยื่อความรุนแรงในการประท้วงนั้นถูกไฟเผาไปถึง 80% ในระดับแรก หรือระดับ 2 ของการถูกเผา ในระหว่างที่ชายวัย 21 ปีผู้นี้ถูกแทงด้วยมีดบริเวณอก ศีรษะ และปาก

ในทวิตเตอร์ของรัฐมนตรีของมาดูโร ยังได้เผยแพร่ข้อความในรูปวิดีโอคลิปจากมารดาของเหยื่อวัย 21 ปี ที่ส่งไปยังแกนนำของพรรคฝ่ายค้านเวเนซุเอลา พรรคเดโมแครต ยูนิตี ราวด์เทเบิล MUD (Democratic Unity Roundtable) ให้หยุดคว่ามรุนแรงเหล่านี้

ซึ่งซินหวาชี้ว่า การเสียชีวิตล่าสุดของฟิกูเอลา ทำให้ยอดเสียชีวิตจากความรุนแรงในการประท้วงล่าสุดอยู่ที่ 65 ราย


กำลังโหลดความคิดเห็น