รอยเตอร์ - วันอาทิตย์ (4 มิ.ย.) ประชาชนจำนวนหลายพันคนภายในพื้นที่เมืองมาราวีที่ต้องการอพยพออกนอกเมือง ยังคงต้องติดค้างอยู่ภายในเมืองซึ่งเป็นพื้นที่สู้รบต่อไป หลังจากที่เสียงปินดังขึ้น 4 ชม.หลังจากเริ่มต้นใช้สัญญาสงบศึก และมีพลเรือนแค่ 134 รายที่หนีออกไปได้สำเร็จ
รอยเตอร์รายงานเมื่อวานนี้ (4 มิ.ย.) ว่า มีเพียงแค่ 134 คนจากเมืองมาราวีเท่านั้นที่ถูกอพยพออกนอกเมืองได้สำเร็จภายในวันอาทิตย์ (4) ถึงแม้ว่ามะนิลาจะคาดหวังว่าจะสามารถทำการอพยพผู้คนที่ยังคงติดอยู่ภายในเมืองให้ออกนอกพื้นที่จำนวนไม่ต่ำกว่า 1,000 คนก็ตาม ซึ่งมาราวีในเวลานี้ได้กลายเป็นสมรภูมิรบระหว่างกองทัพรัฐบาลฟิลิปปินส์ และกลุ่มก่อการร้ายโยงใย IS ที่บุกยึดเมือง 13 วันก่อนหน้า
ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์โรดริโก ดูเตอร์เต ออกมาคาดการณ์ว่า เหตุยึดเมืองมาราวีบนเกาะมินดาเนาจะยุติในไม่กี่วันข้างหน้า ถึงแม้ว่าจะยังคงมีการปะทะอย่างหนักจากกลุ่ม IS ภายในตัวเมืองก็ตาม
ดูเตอร์เตได้ให้สัมภาษณ์ในวันเสาร์ (3 มิ.ย.) หลังจากเข้าเยี่ยมผู้ป่วยในโรงพยาบาลในเมืองคากายาน เด โอโร (Cagayan de Oro) ซึ่งเป็นสถานที่ทหารที่ได้รับบาดเจ็บถูกส่งตัวเพื่อเข้ารับการรักษา และกล่าวว่า “ผมไม่ลังเลที่จะใช้ทุกอำนาจที่มี” ผู้นำฟิลิปปินส์กล่าว
รอยเตอร์ชี้ว่า สมาชิกกลุ่มติดอาวุธท้องถิ่นราว 400 คนที่ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มติดอาวุธต่างชาติราว 40 คน บุกเข้ายึดเมืองมาราวีในวันที่ 23 พ.ค.ก่อนหน้า ใช้ยุทธศาสตร์การรบที่สลับซับซ้อนในการเข้าควบคุมพื้นที่
แต่ทว่ากลุ่มติดอาวุธถูกกองกำลังฟิลิปปินส์ผลักดันให้กลับเข้าสู่ใจกลางของเมืองในช่วงสัปดาห์ หลังจากกองกำลังรัฐบาลส่วนทหารราบจำนวน 4,000 นาย ได้รับการสนับสนุนจาก ฮ.และเครื่องบินที่มีการใช้การโจมตีทางอากาศ
ขณะที่ประชาชนในพื้นที่มาราวีจำนวนมากออกมาชี้ว่า การโจมตีทางอากาศของรัฐบาลฟิลิปปินส์ทำให้เกิดความเสียหายของทรัพย์สินจำนวนมาก และมีผู้เสียชีวิตพลเรือนหลายสิบ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฟิลิปปินส์ได้เพิ่มยอดเสียชีวิตจาก 20 คน ไปที่ 38 คนในวันอาทิตย์ (4 มิ.ย.) แต่ยังกล่าวว่าตัวเลขสูญเสียเหล่านี้เกิดมาจากฝีมือของกลุ่มก่อการร้ายทั้งสิ้น
ด้านโฆษกประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ออกมาระบุว่า ยอดรวมทั้งหมดของกลุ่มก่อการร้ายที่ถูกสังหารอยู่ที่ 120 คน ส่วนทหารฟิลิปปินส์อยู่ที่ 38 นาย ขณะที่ดูเตอร์เตกล่าวว่า ที่ผ่านมาได้มีการสั่งให้ควบคุมการโจมตีทางอากาศ “ผมสามารถทำให้สงครามนี้จบลงภายใน 24 ชม.” ผู้นำฟิลิปปินส์กล่าว และเสริมต่อ “เพราะสิ่งที่ผมจะทำคือ การทิ้งระเบิดทุกหนทุกแห่ง และทำให้ทุกสิ่งราบเป็นหน้ากลอง”
รอยเตอร์รายงานว่า ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ได้ขอให้กลุ่มมุสลิมแบ่งแยกดินแดนที่มีฐานบนเกาะมินดาเนา กลุ่มแนวร่วมปลดปล่อยอิสลามโมโร (Moro Islamic Liberation Front) ให้เป็นตัวกลางเจรจาข้อตกลงสันติภาพกับกลุ่มก่อการร้าย IS ซึ่งมีสมาชิกจำนวนมากจากกลุ่มติอาวุธในพื้นที่กลุ่มมาอูเต” (Maute) ที่กำลังมีปัญหาอยู่ในขณะนี้
แต่ทว่าข้อตกลงหยุดยิงที่มีกลุ่มแนวร่วมปลดปล่อยอิสลามโมโรเป็นผู้จัดการให้เกิดขึ้นสามารถทำงานได้ไปแค่เที่ยงวัน ซึ่งพวกเขาได้ป่าวประกาศให้ประชาชนในพื้นที่เร่งอพยพออกนอกพื้นทื แต่ทว่าภายในเวลา 09.00 น.ของช่วงเช้า ต้องมีอันยุติหลังมีเสียงปืนดังขึ้น ขัดขวางไม่ให้ประชาชนมาราวีอพยพออกนอกเมือง
เช้าวานนี้ (4 มิ.ย.) นายกเทศมนตรีมาราวี มาจูล กันดัมรา (Majul Gandamra) ได้กล่าวในการแถลงข่าวช่วงเช้าว่า เขาคาดหวังว่าจะสามารถอพยพประชาชนออกนอกพื้นที่ได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 คน แต่ทว่าในท้ายที่สุด พบว่ามีคนแค่ 134 คนเท่านั้นที่ได้รับการช่วยเหลือให้ออกมาได้สำเร็จ น้อยกว่าจำนวนที่เกิดขึ้นก่อนช่วงเวลาหยุดยิงเสียอีก รอยเตอร์ชี้ว่ามีประชาชนอีกราว 2,000 คนยังคงติดอยู่ในเมืองแห่งนี้
ในขณะที่ ไอรีน ซานติอาโก (Irene Santiago) ที่ได้รับการแต่งตั้งจากดูเตอร์เตให้เป็นทูตสันติภาพได้กล่าวให้ความเห็นว่า ความพยายามประสบความสำเร็จ ไม่มีการต่อสู้เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่กิโลเมตรห่างจากจุดอพยพ และเธอยังกล่าวต่อว่า การเจรจาหยุดยิงจะยังคงดำเนินการต่อไป สำหรับข้อตกลงหยุดยิงในวันนี้ (5 มิ.ย.)