เอเอฟพี/MGRออนไลน์ – เจ้าหน้าที่พัฒนาเกาหลีเหนือเปิดใจให้สัมภาษณ์เมื่อวานนี้(25 ก.ค)ยืนยัน วอชิงตันแบนพลเมืองสหรัฐฯเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในเกาหลีเหนือ จะไม่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเกาหลีเหนือ และเปียงยางไม่สนใจในเรื่องนี้แม้แต่น้อย แต่หนึ่งในบริษัททำทัวร์เข้าเกาหลีเหนือรับ ยอดจองทัวร์ตกกว่า 50%
เอเอฟพีรายงานเมื่อวานนี้(25 ก.ค)ว่า เชื่อว่ามาตรการของสหรัฐฯในการประกาศห้ามพลเมืองอเมริกันเข้ามาเดินทางในเกาหลีเหนือ ที่อาจกระทบไปถึงอดีตนักบาสเก็ตบอล NBA ชื่อดัง เดนนิส ร็อดแมน ที่เคยเดินทางมาเพื่อพบกับผู้นำเกาหลีเหนือ มีกำหนดเริ่มต้นขึ้นภายในสัปดาห์นี้
ตามสถิติตัวเลขของผู้ที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในเกาหลีเหนือ พบว่าในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวชาติตะวันตกราว 5,000 คนเดินทางเข้ามา ซึ่งในจำนวนทั้งหมดเป็นนักท่องเที่ยวอเมริกันถึง 20% อ้างอิงตัวเลขจากบริษัททัวร์
โดยตามปกติในการเดินทางท่องเที่ยว 1 สัปดาห์ภายในเกาหลีเหนือ นักท่องเที่ยวต่างชาติเหล่านี้ต้องเสียค่าใช้จ่ายราว 2,000 ดอลลาร์
ด้านเจ้าหน้าที่การท่องเที่ยวเปียงยาง ฮาน โชล-ซู(Han Chol-Su) รองผู้อำนวยการบริษัทการพัฒนาเขตท่องเที่ยวนานาชาติวอนซาน( Wonsan Zone Development Corporation) ได้กล่าวให้ความเหตุถึงคำสั่งห้ามจากวอชิงตันว่า จะไม่มีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของแดนคอมมิวนิสต์แต่อย่างใด
“หากรัฐบาลสหรัฐฯประกาศว่า ชาวอเมริกันไม่สามารถเดินทางมาที่ประเทศแห่งนี้ได้ ทางเราไม่สนใจแม้แต่น้อย” ฮานกล่าวให้ความเห็นกับเอเอฟพีในกรุงเปียงยาง
เอเอฟพีรายงานว่า วอชิงตันประกาศผลักดันแนวคิดการห้ามพลเมืองสหรัฐฯเดินทางเข้าเกาหลีเหนือ หลังเหตุการณ์เสียชีวิตอย่างน่าสลดไปทั่วประเทศของนักศึกษาอเมริกัน ออตโต วอร์มเบียร์ ซึ่งเดินทางเข้าเกาหลีเหนือในฐานะนักท่องเที่ยว แต่ถูกเปียงยางสั่งลงโทษใช้แรงงานในแคมป์แรงงานทาสเกาหลีเหนือ 15 ปี และล้มป่วยขั้นโคม่าอย่างเป็นปริศนา ก่อนเสียชีวิตในสหรัฐฯแค่ภายใน 1 สัปดาห์หลังจากถูกส่งตัวกลับในช่วงเดือนที่แล้ว
ซึ่งในการให้สัมภาษณ์ของเจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือ พบว่าหน่วยงานของฮานพยายามส่งเสริมเขตท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ภูเขาคุมกังของวอนซาน(Mount Kumgang) ทางฝั่งตะวันออก
และในการแสดงความเห็นฮานยังชี้ว่า คำสั่งห้ามของสหรัฐฯนั้นมีจุดประสงค์ทางการเมือง “รัฐบาลสหรัฐฯยังคงเดินหน้าคว่ำบาตรเราไม่หยุด แต่ทางเราไม่ให้ความสนใจในเรื่องนี้แม้แต่น้อย”
ซึ่งฮานแสดงความเห็นยืนยันอย่างหนักแน่นว่า การคว่ำบาตรจากสหรัฐฯไม่ส่งผลต่อทางเปียงยาง แต่อ้างอิงจากบริษัททัวร์ที่ทำการนำนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าเกาหลีเหนือ กลับชี้ว่า ธุรกิจท่องเที่ยวได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยพบว่ายอดจองทัวร์กับบริษัทคอร์โย ทัวร์ส(Koryo Tours) นั้นตกไปกว่า 50% หลังเกิดคดีวอร์มเบียร์เกิดขึ้น
และรวมไปถึงความตรึงเครียดที่เกิดขึ้นจากปัญหาการพัฒนาโครงการมิสไซล์ของเปียงยางเอง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จากชุดรัฐบาลทรัมป์ ได้ออกมาเตือนว่า การแก้ปัญหาโดยทางทหารยังคงถูกวางอยู่บนโต๊ะ
ทั้งนี้ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวในเกาหลีเหนือจำนวนมากนั้นมาจากจีน หลังจากที่มีการเจรจาให้มีเที่ยวบินตรงจากกรุงปักกิ่งและเมืองเซียงไฮ้เกิดขึ้นในปี 2015 และยังพบว่า นอกจากนี้ ยังมีนักท่องเที่ยวจากเกาหลีใต้จำนวนหลายแสนคนเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวภูเขาคุมกังของวอนซาน แต่ต้องหยุดอย่างกะทันหันปี 2008 เมื่อพบว่ามีทหารเกาหลีเหนือยิงนักท่องเที่ยวเกาหลีใต้เสียชีวิต 1 คน ซึ่งถูกพบบังเอิญเดินออกจากบริเวณนอกทางที่กำหนดไว้ และทำให้ทางโซลออกคำสั่งห้ามตามมา
แต่อย่างไรก็ตาม ในการให้สัมภาษณ์ของรองผู้อำนวยการบริษัทการพัฒนาเขตท่องเที่ยวนานาชาติวอนซานระบุยืนยันในตอนท้ายว่า ทางเกาหลีเหนือไม่เคยฝากความหวังอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเปียงยางไว้กับนักท่องเที่ยวจากโซลแม้แต่น้อย
“เราไม่เคยคิดถึงพวกเขา เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ควรร่วมมือกัน แต่เป็นเพราะการคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ ทำให้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ และทางเจ้าหน้าที่ของประเทศใต้ไม่มีความตั้งใจต้องการทำเช่นนี้ด้วย” ฮานกล่าว
ทั้งนี้ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เปียงยางประกาศแผน 5 ปีที่จะเปิดการท่องเที่ยวภูเขาคุมกังอีกครั้ง รวมไปถึงจะเปิดเขตนิคมอุตสาหกรรมแกซอง ความร่วมมือระหว่าง 2 เกาหลี (Kaesong Joint Industrial Zone) ที่ถูกปิดไปชั่วคราว