เอเจนซีส์ - กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ประกาศเตือนชาวอเมริกันให้งดเดินทางไปเยือนเกาหลีเหนือเมื่อวานนี้ (9 พ.ค.) ย้ำมี “ความเสี่ยงร้ายแรง” ที่จะถูกกักขังหน่วงเหนี่ยวเป็นเวลานาน และอาจถูกลงโทษรุนแรงเกินเหตุ หลังมีพลเมืองสหรัฐฯ ถูกจับกุมเป็นรายที่ 4
สำนักข่าวเคซีเอ็นเอรายงานว่า คิม ฮัก-ซอง ซึ่งเป็นพนักงานของมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งเปียงยาง (PUST) ถูกทางการเกาหลีเหนือจับกุมเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ โดยอ้างข้อหา “กระทำการอันเป็นภัยต่อรัฐ”
ชะตากรรมของ คิม ทำให้ในขณะนี้มีชาวอเมริกันถูกคุมขังในเกาหลีเหนือรวมทั้งสิ้น 4 ราย ท่ามกลางสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีที่กำลังตึงเครียดจากโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธของโสมแดง
แม้สหรัฐฯ จะเคยออกคำเตือนลักษณะนี้มาก่อน และยังมีผลบังคับใช้อยู่ แต่คราวนี้กระทรวงการต่างประเทศได้ให้รายละเอียดชัดเจนเป็นพิเศษเกี่ยวกับอันตรายที่ชาวอเมริกันอาจตกเป็นเหยื่อ
“กระทรวงการต่างประเทศขอแจ้งเตือนอย่างจริงจังให้พลเมืองสหรัฐฯ งดเดินทางไปเกาหลีเหนือ”
“พลเมืองสหรัฐฯ ที่เดินทางเข้าไปในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี (เกาหลีเหนือ) มีความเสี่ยงสูงมากที่จะถูกจับกุม และกักขังหน่วงเหนี่ยวเป็นเวลานาน ภายใต้การระบบการบังคับใช้กฎหมายของเกาหลีเหนือ”
“ระบบดังกล่าวจะหยิบยื่นบทลงโทษที่รุนแรงเกินเหตุสำหรับการกระทำที่ไม่ถือเป็นอาชญากรรมในสหรัฐอเมริกา"
กระทรวงยังย้ำเตือนชาวอเมริกันให้ตระหนักว่า สหรัฐฯ และเกาหลีเหนือไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตต่อกัน
คิม เป็นชาวอเมริกันเชื้อสายเกาหลีที่เกิดในเมืองจี๋หลินของจีน และเคยศึกษาที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในรัฐแคลิฟอร์เนีย
เพื่อนร่วมชั้นเรียนของเขา 2 คนบอกกับซีเอ็นเอ็นว่า คิม มีความมุ่งมั่นที่จะเข้าไปช่วยพัฒนาเศรษฐกิจเกาหลีเหนือซึ่งพึ่งพิงการเกษตร
เกาหลีเหนือทดสอบนิวเคลียร์มาแล้วถึง 2 ครั้ง และยิงขีปนาวุธอีกหลายระลอกตั้งแต่ต้นปี 2016 เพื่อพัฒนาขีปนาวุธพิสัยไกลที่สามารถส่งหัวรบนิวเคลียร์ไปโจมตีแผ่นดินสหรัฐฯ ขณะที่วอชิงตันก็ขู่ว่าการใช้กำลังทหารตอบโต้เกาหลีเหนือ คือ อีกหนึ่งทางเลือกที่สหรัฐฯ พร้อมพิจารณา ทำให้หลายฝ่ายเกรงว่าความขัดแย้งครั้งนี้อาจลุกลามจนนำไปสู่สงครามในที่สุด
อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมาผ่อนจุดยืนของสหรัฐฯ เมื่อไม่นานนี้ โดยกล่าวว่า ตน “ยินดี” ที่จะพบกับผู้นำคิม จองอึน ภายใต้เงื่อนไขที่เหมาะสม