ซาอุดีอาระเบียจี้สมาชิกโอเปกลดการผลิตน้ำมันตามข้อตกลง

เอเจนซีส์ - ซาอุดีอาระเบียระบุในวันจันทร์ (24 ก.ค.) ว่าทางกลุ่มโอเปกจะเร่งแก้ปัญหาโดยเร็วในเรื่องการไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงการลดผลิตน้ำมันของบางชาติ รวมถึงจะสังเกตการณ์ผลผลิตที่เพิ่มขึ้นของไนจีเรียและลิเบีย ซึ่งเป็นสองประเทศที่ได้รับการยกเว้น

กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ได้เห็นพ้องกับชาติผู้ผลิตน้ำมันนอกโอเปกซึ่งนำโดยรัสเซีย ที่จะลดการผลิตน้ำมันรวมกัน 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน ตั้งแต่เดือนมกราคม 2017 ไปจนถึงสิ้นเดือนมีนาคม โดยมีสองชาติในโอเปกอย่างไนจีเรียและลิเบียที่ได้รับการยกเว้นเพื่อให้สามารถฟื้นตัวจากเหตุการณ์ความไม่สงบภายในประเทศ

ข้อตกลงดังกล่าวทำให้ราคาน้ำมันดิบขยับขึ้นไปเป็น 58 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในเดือนมกราคม แต่หลังจากนั้นก็ร่วงกลับมาอยู่ที่ 45-50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เนื่องจากการใช้น้ำมันที่ค้างในสต๊อกให้หมดนั้นต้องใช้เวลานานกว่าที่คาดไว้

นอกจากนี้ ผลผลิตหินน้ำมันของอเมริกาที่เพิ่มขึ้นก็ได้เข้ามาอุดช่องว่างของการลดผลิตน้ำมัน เช่นเดียวกับการผลิตน้ำมันที่มากขึ้นของไนจีเรียและลิเบีย

“เราต้องยอมรับว่าตลาดซบเซาด้วยปัจจัยที่สำคัญหลายอย่าง” คาลิด อัล-ฟาลีห์ รัฐมนตรีพลังงานของซาอุดีอาระเบียระบุในการประชุมคณะกรรมการที่ดูแลเรื่องข้อตกลงนี้ระหว่างโอเปกกับชาตินอกโอเปก

คณะกรรมการที่รู้จักกันในชื่อ JMMC นอกจากซาอุฯ แล้วก็ยังมีรัสเซีย คูเวต เวเนซุเอลา แอลจีเรีย และโอมาน พวกเขามีอำนาจในการแนะนำให้ชาติผู้ผลิตน้ำมันที่เกี่ยวข้องทำตามมาตรการที่ตกลงกันไว้ โดยขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของตลาด

ฟาลีห์บอกว่า การไม่ค่อยทำตามข้อตกลงลดการผลิตน้ำมันของบางชาติในโอเปก รวมถึงการส่งออกน้ำมันที่เพิ่มขึ้นของโอเปกมีส่วนทำให้ราคาร่วง

ซาอุดีอาระเบียและคูเวตได้ลดการผลิตไปมากกว่าที่พวกเขาเคยรับปาก แต่ชาติอื่นอย่างเช่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และอิรักนั้นทำได้ไม่ตรงตามที่ตกลงไว้

ฟาลีห์ยังบอกด้วยว่า ประเด็นผลผลิตที่เพิ่มขึ้นของลิเบียและไนจีเรียจะได้รับการแก้ไขผ่านรูปแบบของอุปสงค์-อุปทานโลก โดยคาดว่าความต้องการน้ำมันจะเพิ่มมากขึ้นประมาณ 1.4-1.6 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีหน้า

ลิเบียมีการผลิตน้ำมันมากกว่า 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งต่ำกว่าศักยภาพของพวกเขาที่ทำได้ประมาณ 1.4-1.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน หลังเกิดความไม่สงบในประเทศตั้งแต่ปี 2011 แต่ก็ยังถือว่าผลิตเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับไนจีเรียที่มีการผลิตมากขึ้น โดยทั้งสองชาติมีการผลิตรวมแล้วเพิ่มขึ้นประมาณ 7-8 แสนบาร์เรลต่อวัน นับตั้งแต่มีการทำข้อตกลงลดการผลิต