รอยเตอร์ - สหรัฐฯ และรัสเซียกำลังถกเถียงกันในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเกี่ยวกับประเภทของขีปนาวุธที่ยิงโดยเกาหลีเหนือเมื่อต้นสัปดาห์นี้ ในขณะที่สหรัฐฯ พยายามที่จะบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรที่รุนแรงขึ้นกับเปียงยางจากการทดสอบดังกล่าว
เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ นิกกี ฮาเลย์ จัดการบรรยายสรุปด้านข่าวกรองให้สมาชิกคณะมนตรีคนอื่นๆ ฟังเมื่อวันจันทร์ (17) เพื่อโต้แย้งว่า เปียงยางยิงขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) จริง นักการทูตกล่าว ซึ่งพันธมิตรของเกาหลีเหนืออย่างรัสเซียและจีนเข้าร่วมด้วย
นักการทูตยูเอ็นหลายคนระบุว่า รัสเซียแนะนำว่าผู้เชี่ยวชาญทางทหารของรัสเซียและสหรัฐฯ ควรแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับการการยิงดังกล่าวกัน
การบรรยายสรุปของสหรัฐฯ มีขึ้นหลังจากที่เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม รัสเซียส่งจดหมายและแผนภาพไปยังคณะมนตรีความมั่นคง ยืนยันว่า เรดาร์ของพวกเขาบ่งชี้ว่า ขีปนาวุธที่ถูกยิงโดยเปียงยางเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคมเป็นขีปนาวุธพิสัยกลาง
การโต้แย้งของรัสเซียที่ว่าเกาหลีเหนือไม่ได้ยิงขีปนาวุธข้ามทวีปยับยั้งความพยายามของวอชิงตันที่จะให้คณะมนตรีความมั่นคงบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรที่รุนแรงขึ้นกับเกาหลีเหนือ สหรัฐฯ รัสเซีย จีน อังกฤษ และฝรั่งเศสเป็นสมาชิกที่มีสิทธิวีโต้ในคณะมนตรีชุดนี้
โดยปกติคณะมนตรีความมั่นคงมักจะประณามการยิงขีปนาวุธพิสัยกลางของเกาหลีเหนือด้วยถ้อยแถลง นักการทูตระบุว่า จีนและรัสเซียมองว่ามีเพียงการทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลและการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์เท่านั้นที่ควรแก่การคว่ำบาตรเพิ่มเติม
เกาหลีเหนืออยู่ภายใต้การคว่ำบาตรของยูเอ็นมาตั้งแต่ปี 2006 จากโครงการขีปนาวุธและนิวเคลียร์ของพวกเขาและคณะมนตรีความมั่นคงได้ยกระดับการคว่ำบาตรเพื่อตอบสนองต่อการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ 5 ครั้งและการยิงขีปนาวุธพิสัยไกล 2 ครั้ง
สหรัฐฯ ส่งร่างมติให้จีนเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้วเพื่อบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรที่รุนแรงกว่านี้กับเกาหลีเหนือจากการยิงขีปนาวุธเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ฮาเลย์ต้องการได้รับเสียงโหวตภายในไม่กี่อาทิตย์ แต่นักการทูตอาวุโสของยูเอ็นคนหนึ่ง ที่พูดโดยขอไม่ให้เผยนาม อธิบายว่า การเจรจาระหว่างจีนกับสหรัฐฯ “เป็นไปอย่างเชื่องช้า”
เดิมทีสหรัฐฯ และจีนเจรจาเรื่องการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือก่อนคุยกับสมาชิกคณะมนตรีคนอื่นๆ อย่างเป็นทางการ นักการทูตระบุว่า วอชิงตันถือว่าอังกฤษและฝรั่งเศสอยู่ฝั่งตนเองโดยปริยาย ในขณะที่จีนน่าจะกำลังพูดคุยกับรัสเซีย
เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม ฮาเลย์กล่าวว่า การยกระดับการคว่ำบาตรในครั้งนี้ส่วนหนึ่งมีเป้าหมายเพื่อควบคุมการหลั่งไหลของน้ำมันสู่กองทัพและโครงการอาวุธของเกาหลีเหนือ เพิ่มข้อจำกัดทางอากาศและทะเล และบังคับใช้การคว่ำบาตรกับเจ้าหน้าที่อาวุโส