รอยเตอร์ - จำนวนเหตุโจมตีก่อการร้ายทั่วโลกและยอดผู้เสียชีวิตของเหตุโจมตีดังกล่าว ลดลงเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันในปี 2016 จากการเปิดเผยของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ในวันพุธ (19 ก.ค.) โดยได้แรงขับเคลื่อนจากเหตุโจมตีและตัวเลขเหยื่อที่ลดลงในอัฟกานิสถาน, ซีเรีย, ไนจีเรีย, ปากีสถาน และเยเมน
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯกล่าวในรายงานด้านก่อการร้ายโลกฉบับหนึ่ง ระบุว่า จำนวนเหตุโจมตีก่อการร้ายในปี 2016 ลดลง 9 เปอร์เซ็นต์ จากปี 2016 ส่วนยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุโจมตีต่างๆ เหล่านั้นลดลง 13 เปอร์เซ็นต์
พวกนักรบสุหนี่ “รัฐอิสลาม (ไอเอส)” เป็นกลุ่มที่ลงมือโจมตีก่อการร้ายนองเลือดมากที่สุดของปีที่แล้ว โดยพวกเขาเป็นผู้ดำเนินการโจมตีต่างๆ คิดเป็น 20 เปอร์เซ็นต์ในอิรัก และก่อความสูญเสียเพิ่มขึ้นถึง 69 เปอร์เซ็นต์ หากเทียบกับปี 2015
ข้อมูลซึ่งรวบรวมโดยมหาวิทยาลัยแมรีแลนด์ ที่จัดทำให้แก่กระทรวงการต่างประเทศ ยังพบด้วยว่าเมื่อปีที่แล้วมีเหตุโจมตีก่อการร้ายทั่วโลกทั้งหมด 11,072 ครั้ง คร่าชีวิตผู้คนมากกว่า 25,600 ศพ แต่ในนั้น 6,700 ราย เป็นผู้ลงมือโจมตีเอง
ในปี 2016 เหตุโจมตีก่อการร้ายเกิดขึ้นใน 104 ประเทศทั่วโลก แต่ส่วนใหญ่เกิดขึ้นแค่ใน 5 ประเทศ ได้แก่ อิรัก, อัฟกานิสถาน, อินเดีย, ปากีสถาน และฟิลิปปินส์ ขณะที่ 3 ใน 4 ของเหยื่อนั้นเสียชีวิตในเหตุโจมตีก่อการร้ายในอิรัก, อัฟกานิสถาน, ซีเรีย, ไนจีเรีย และปากีสถาน
รายงานยังพูดถึงแง่บวกในความพยายามเมื่อเร็วๆ ของซูดาน ซึ่งถูกสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำรัฐสนับสนุนก่อการร้ายในปี 1993 เพราะว่าพวกเขาสนับสนุนปาเลสไตน์และกลุ่มติดอาวุธต่างๆ ของเลบานอน “แต่กระนั้น วันนี้การต่อต้านก่อการร้ายยังคงเป็นเป้าหมายลำดับต้นๆของความมั่นคงแห่งชาติสำหรับซูดาน และซูดานเป็นพันธมิตรที่ให้ความร่วมมืออย่างดีกับสหรัฐฯในด้านก่อการร้าย” รายงานระบุ
อดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐฯ ระงับมาตรการคว่ำบาตรซูดานชั่วคราวเป็นเวลา 6 เดือน เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยพักคว่ำบาตรการค้า ปลดคำสั่งอายัดทรัพย์สินและถอดมาตรการลงโทษทางการเงิน ขณะที่เมื่อเดือนที่แล้วรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เลื่อนการตัดสินใจออกไป 3 เดือน ว่าจะยกมาตรการคว่ำบาตรซูดานอย่างถาวรหรือไม่