รอยเตอร์/เอเอฟพี - สหรัฐฯเปิดตัวมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจอิหร่านรอบใหม่ในวันอังคาร (18 ก.ค.) อันเนื่องจากโครงการขีปนาวุธของพวกเขา และบอกว่ามีความกังวลใหญ่หลวงต่อพฤติกรรมประสงค์ร้ายต่างๆนานาของเตหะรานในตะวันออกกลาง ความเคลื่อนไหวที่กระตุ้นเสียงประณามจากอิหร่าน ที่ประกาศกร้าวว่าจะคว่ำบาตรอเมริกาเป็นการตอบโต้เช่นกัน
มาตรการนี้ส่งสัญญาณว่ารัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังหาทางเพิ่มแรงกดดันใส่อิหร่าน แม้ขณะเดียวกันก็ยังคงรักษาสถานะของข้อตกลงเมื่อปี 2015 ระหว่างเตหะรานกับ 6 ชาติมหาอำนาจ สำหรับยับยั้งโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านแลกกับการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรทางน้ำมันและด้านการเงินของนานาชาติ
รัฐบาลสหรัฐฯ บอกว่ามาตรการล่าสุดพุ่งเป้าเล่นงาน 18 องค์กรและบุคคล ฐานสนับสนุนในสิ่งที่พวกเขาเรียกว่ากิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติของอิหร่าน ซึ่งผิดกฎหมาย
ถ้อยแถลงของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุว่าพวกองค์กรและบุคคลที่ถูกคว่ำบาตรนั้น มีบทบาทสนับสนุนกองทัพหรือกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติของอิหร่าน ผ่านการพัฒนาโดรนและยุทโธปกรณ์ทางทหาร ผลิตและบำรุงรักษาเรือ และจัดหาชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนอื่นๆนั้นบงการขโมยโปรแกรมซอฟต์แวร์ของอเมริกาและชาติตะวันตก แล้วขายมันแก่รัฐบาลอิหร่าน
ในวันจันทร์ (17 ก.ค.) รัฐบาลของทรัมป์ระบุว่า แม้อิหร่านปฏิบัติตามข้อตกลงนิวเคลียร์ที่ทำไว้กับมหาอำนาจ แต่ละเมิดเจตนารมณ์ของข้อตกลง และวอชิงตันกำลังหารือกับพันธมิตรเพื่อหาวิธีบังคับใช้ข้อตกลงนี้อย่างเข้มงวดขึ้น รวมถึงแก้ไขข้อบกพร่องของข้อตกลงที่มีอยู่มากมาย
นับเป็นครั้งที่ 2 ตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม ที่คณะบริหารชุดนี้รับรองว่า อิหร่านปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าว แม้ทรัมป์เคยวิจารณ์ระหว่างหาเสียงเมื่อปีที่แล้วว่า เป็น “ข้อตกลงห่วยที่สุดเท่าที่เคยมีมา”
“สหรัฐฯ ยังคงมีความกังวลอย่างยิ่งต่อความเคลื่อนไหวประสงค์ร้ายต่างๆ นานาของเตหะรานในตะวันออกกลาง ซึ่งบ่อนทำลายเสียรภาพ ความมั่นคงและความรุ่งเรืองของภูมิภาค” กระทรวงการต่างประเทศระบุในถ้อยแถลง พร้อมระบุว่า ความเคลื่อนไหวของอิหร่านกัดเซาะตัวสนับสนุนทางบวกที่ปรากฏขึ้นจากข้อตกลงนิวเคลียร์ ทั้งด้านสันติภาพและความมั่นคงของภูมิภาคและนานาชาติ
ในถ้อยแถลงยังได้ขึ้นบัญชีดำกลุ่มต่างๆที่อิหร่านให้การสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นฮิซบอลเลาะห์ของเลบานอนและกลุ่มเคลื่อนไหวฮามาสปาเลสไตน์ รวมถึงรัฐบาลซีเรียของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรียและกบฏฮูตีในเยเมน
รัฐบาลทรัมป์กำลังทบทวนนโยบายต่ออิหราน ไม่ใช่เพียงแค่จับตาว่าเตหะรานปฏิบัติตามข้อตกลงนิวเคลียร์หรือไม่ แต่ยังรวมถึงพฤติกรรมต่างๆ ของพวกเขาในภูมิภาค ซึ่งทางวอชิงตันบอกว่ากำลังบ่อนทำลายผลประโยชน์ของสหรัฐฯในซีเรีย, อิรัก, เยเมน และเลบานอน
ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่อาวุโสในคณะบริหารคนหนึ่งระบุว่า แม้อิหร่านได้รับการพิจารณาว่าปฏิบัติตามข้อตกลงนิวเคลียร์ 2015 แต่ทรัมป์และเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีต่างประเทศ เชื่อว่าเตหะรานยังคงเป็นหนึ่งในภัยคุกคามที่อันตรายที่สุดสำหรับผลประโยชน์ของสหรัฐฯ และเสถียรภาพของภูมิภาค
ไม่นานหลังสหรัฐฯ ออกถ้อยแถลง ทางอิหร่านรุดออกมาประณามมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ดังกล่าว พร้อมประกาศจะกำหนดมาตรการคว่ำบาตรเล่นงานอเมริกาเป็นการตอบโต้เช่นกัน
ไออาร์เอ็นเอ สื่อมวลชนแห่งรัฐของเตหะรานรายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศประณามมาตรการคว่ำบาตรที่ไร้ค่าของสหรัฐฯ “เตหะรานจะโยนมาตรการคว่ำบาตรใหม่คืนสู่ประชาชนอเมริกัน เช่นเดียวกับองค์กรต่างๆ ที่ดำเนินการกับประชาชนชาวอิหร่านและชาวมุสลิมอื่นๆ ในภูมิภาค”