xs
xsm
sm
md
lg

InClip: สุดช็อก!!ข่าวกรองสหรัฐฯส่งหลักฐานให้อังกฤษ ชี้ “รัสเซีย” อยู่เบื้องหลังลอบสังหารไม่ต่ำกว่า 33 คนใน 6 ประเทศทั่วโลก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เอเจนซีส์ /MGRออนไลน์ – มีรายงานล่าสุดแสดงถึงความเป็นไปได้ โดยอ้างจากข้อมูลข่าวกรองลับที่หน่วยงานข่าวกรองสหรัฐฯส่งต่อให้รัฐบาลอังกฤษระบุ “รัสเซีย” อาจอยู่เบื้องหลังการเสียชีวิตอย่างเป็นปริศนา หรือการลอบสังหาร ของเหยื่อเป้าหมายไม่ต่ำกว่า 33 คน ที่รวมไปถึงอดีตเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำยูเอ็น วิตาลี ชูร์คิน(Vitaly Churkin) ในตลอดช่วงเวลา 14 ปีที่ผ่านมา เกิดขึ้นใน 6 ประเทศทั่วโลก ที่รวมไปถึง อังกฤษ สหรัฐฯ ยูเครน กรีซ อินเดีย และคาซัคสถาน

บิสซิเนสอินไซเดอร์ สื่อธุรกิจรายงานล่าสุดว่า นับตั้งแต่ปี 2003 เป็นต้นมา พบเหตุฆาตกรรมไม่ต่ำกว่า 2 โหลในต่างแดนสามารถตรวจย้อนถึงเส้นทางกลับไปหามอสโก ซึ่งสื่อธุรกิจชี้ว่า แต่ดูเหมือนไม่มีใครที่จะสนใจจัดการในเรื่องนี้

ทั้งนี้จากการรายงานของหนังสือพิมพ์สหรัฐฯ ยูเอสเอทูเดย์ และสื่อข่าวการเมืองสหรัฐฯ บัซฟีดนิวส์ ต่างออกมาชี้ว่า พบเหยื่อเป้าหมายไม่ต่ำกว่า 33 คนในช่วงเวลา 14 ปีที่ผ่านมาในอังกฤษ สหรัฐฯ ยูเครน กรีซ อินเดีย และคาซัคสถาน ต่างถูกลอบสังหาร หรือเสียชีวิตอย่างเป็นปริศนา

ทั้งนี้สัปดาห์ก่อนหน้า ทางบัซฟีดนิวส์ได้เผยแพร่รายงานข่าวเชิงสอบสวนที่ได้ใช้ระยะเวลา 2 ปีในการหาข้อมูล เปิดเผยถึงข้อมูลข่าวกรองลับความเชื่อมโยงไปถึงรัสเซีย ที่หน่วยงานข่าวกรองสหรัฐฯได้แชร์ข้อมูลกับรัฐบาลอังกฤษหลังจากที่ได้รับการร้องขอ

โดยข้อมูลนี้ บิสซิเนสอินไซเดอร์ชี้ว่า เป็นหลักฐานเชื่อมโยงเหตุฆาตกรรมหรือการเสียชีวิตของชาวรัสเซีย 14 คน และพลเมืองอังกฤษในอังกฤษ ที่สามารถสืบสาวกลับไปถึงเครมลิน หรือสำนักงานสอบสวนกลางรัสเซีย FSB (สำนักงาน KGB ในสมัยอดีตสหภาพโซเวียต) และอาจรวมไปถึงกลุ่มมาเฟียรัสเซีย ที่บางครั้งทำงานให้กับเครมลิน

สื่อธุรกิจรายงานต่อว่า รายงานของทางสหรัฐฯเกิดขึ้นมาจากรวบรวมข้อมูลจำนวนมหาศาล ที่อยู่ในรูปเอกสาร ข้อมูลการสนทนาทางโทรศัพท์ และการดักฟัง และการสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ข่าวกรองและตำรวจของทั้งอังกฤษ สหรัฐฯ และฝรั่งเศส

ก่อนหน้าในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ยูเอสเอทูเดย์ได้รายงานว่า บุคคลที่มีชื่อเสียงของรัสเซียจำนวนถึง 38 รายถูกสังหารหรือเสียชีวิตอย่างเป็นปริศนานับตั้งแต่ปี 2014 โดยพบว่า 19 คดีจากทั้งหมดเกิดขึ้นนอกพรมแดนรัสเซีย โดพบว่า 3 คดีเกิดขึ้นในสหรัฐฯ (2 คดีเกิดขึ้นในนิวยอร์ก และอีก 1 คดีเกิดในกรุงวอชิงตัน ดีซี) 1 คดีในกรีซ 1 คดีในอินเดีย 1 คดีในคาซัคสถาน และอีก 12 คดีในยูเครน

และเมื่อวันที่ 1 มิ.ยนี้ เกิดเหตุนักฆ่าเชเชนที่ปลอมตัวเป็นนักข่าวฝรั่งเศส พยายามสังหารคู่สามีภรรยา อดัม ออสมาเยฟ(Adam Osmayev) และอามินา โอคูเยวา( Amina Okuyeva )ในกรุงเคียฟ ยูเครน ซึ่งพบว่าก่อนหน้า คนทั้งคู่เคยถูกเครมลินกล่าวหาว่าพยายามลอบสังหารประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน มาแล้วในปี 2012

สื่อธุรกิจรายงานว่า ออสมาเยฟและโอคูเยวาในภายหลังได้ต่อต้านกลุ่มแบ่งแยกดินแดนยูเครนตะวันออก ที่ได้รับการหนุนหลังจากเครมลิน

ซึ่งในระหว่างที่จะลงมือลอบสังหาร พบว่า อารตูร์ เดนิซัลตานอฟ-คูร์มาเคเยฟ(Artur Denisultanov-Kurmakayev) นักฆ่าเชเชนแกล้งทำเป็นสัมภาษณ์สองสามีภรรยาภายในรถ ได้ชักปืนออกมาและยิงไปที่ออสเมเยฟผู้เป็นสามี และทำให้ฝ่ายภรรยา โอคูเยวา ชักปืนออกมาเช่นกัน และยิงไปที่มือลอบสังหารชาวเชเชนถึง 4 ครั้ง

แต่อย่างไร พบว่าทั้งนักฆ่าเชเชนและออสมาเยฟต่างรอดชีวิตทั้งคู่ ซึ่งทางรัฐบาลเคียฟได้ออกมากล่าวหาว่า เครมลินเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในความพยายามการลอบสังหารครั้งนี้

ส่วนเหยื่อเป้าหมายอีก 14 คนที่จบชีวิตอย่างเป็นปริศนานั้น สื่อบัซฟีดนิวส์ชี้ว่า คนเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ขวางทาง หรือต่อต้านผู้ทรงอิทธิพลชาวรัสเซีย

ซึ่งในการเสียชีวิต บัซฟีดนิวส์ชี้ว่า หากว่าไม่เสียชีวิตจากการถูกแทงด้วยมีด หรือการถูกพุ่งชนด้วยรถอย่างเป็นปริศนา หรืออาจจบชีวิตด้วยการถูกแขวนคอ คุกคามเหยื่อจนถึงขั้นทำให้ต้องฆ่าตัวตาย อาจถูกวางยาพิษจนเสียชีวิต เป็นต้น

ซึ่งหนึ่งในเหยื่อลอบสังหารที่มีชื่อเสียงคือ อเล็กซานเดอร์ ลิตวิเนนโก (Alexander Litvinenko) ที่ถูกตรวจพบสารกัมมันตภาพรังสีโพโลเนียม 210(polonium 210) ในระบบร่างกาย บัซฟีดนิวส์ยืนยันว่า เป็นสารที่ถูกผลิตขึ้นในรัสเซียที่เดียวในโลกเท่านั้น

และการเสียชีวิตยังลามไปถึง แมทธิว พันเชอร์( Matthew Puncher) นักวิทยาศาสตร์ที่ค้นพบร่องรอยของสารโพโลเนียมในกรุงลอนดอน และในภายหลัง ชายผู้นี้ต้องจบชีวิตอย่างเป็นปริศนาด้วยการถูกแทง

ด้าน ริชาร์ด วอลตัน( Richard Walton) อดีตผู้บัญชาการหน่วยงานต่อต้านการก่อการร้ายของสกอตต์แลนยาร์ด ออกมาเปิดเผยกับบัซฟีดนิวส์ว่า ***รัสเซียมีความสามารถในการกลบร่องรอยการฆาตกรรม*** ด้วยการใช้สารเอเจนต์ทางชีววิทยาหรือทางเคมี ทำให้ไม่มีร่อยรอยหลงเหลือ

บัซฟีดนิวส์ชี้ว่า แต่ทว่ารัฐบาลอังกฤษกลับไม่ทำอะไร และออกมาชี้ว่าในแต่ละคดีเหล่านี้ไม่มีเบื้องหลังที่น่าสงสัยอะไรทั้งสิ้น ซึ่งบิสซิเนสอินไซเดอร์อ้าง โดยอ้างอิงมาจากการให้สัมภาษณ์ของแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ข่าวกรองสหรัฐฯและอังกฤษ 17 คนที่ได้ให้ข้อมูลว่า ***เป็นเพราะรัฐบาลอังกฤษมีความหวาดเกรงถึงการถูกคุกคามจากพวกรัสเซียทั้งทางด้าน การเมือง การโจมตีทางระบบคอมพิวเตอร์ หรือการต้องเข้าสู่สงคราม***

นอกจากนี้รัฐบาลอังกฤษยังมีแรงจูงใจ ต้องการให้บรรดาเศรษฐีโอลิกาชรัสเซียยังคงใช้อังกฤษเป็นที่เก็บเม็ดเงินของพวกเขาต่อไป

ทั้งนี้สำนักงานตำรวจกรุงวอชิงตัน ดีซีไม่ตอบคำถามเกี่ยวกับการเสียชีวิตของ มิคคาอิล เลซิน(Mikhail Lesin) อดีตผู้ก่อตั้งสื่อรัสเซีย ทูเดย์ หรือที่รู้จัดทั่วไปในนามของ RT และเคยดำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทพลังงานรัสเซีย กาซปรอม ( Gazprom) โดยพบว่าเลซินถูกพบเป็นศพภายในโรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงวอชิงตัน ดีซีในสภาพศพที่ได้รับบาดเจ็บที่ศรีษะด้วยการถูกของไม่มีคมทำร้าย

และทางสำนักงานตำรวจนิวยอร์กไม่ยอมตอบคำถามกับบิสซิเนสอินไซเดอร์ถึงการเสียชีวิตของ เซอร์เก คริวอฟ(Sergei Krivov) โดยอ้างว่า ข้อมูลจะสามารถเปิดเผยภายใต้กฎหมายเสรีภาพทางด้านข่าวสารสหรัฐฯเท่านั้น และทาง NYPD ได้บอกให้ทางสื่อธุรกิจติดต่อไปที่องค์การสหประชาชาติต่อการเสียชีวิตของ วิตาลี ชูร์คิน(Vitaly Churkin) อดีตทูตรัสเซียประจำองค์การสหประชาชาติ ที่เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจกำเริบกะทันหัน

แต่อย่างไรก็ตาม สื่อธุรกิจกล่าวว่า และเมื่อติดต่อไปยังองค์การสหประชาชาติ และได้รับคำแนะนำให้ติดต่อรัฐบาลรัสเซียแทน ซึ่งสถานทูตรัสเซียประจำกรุงวอชิงตัน ดีซีไม่ตอบคำถามในเรื่องนี้

อ้างอิงจากสื่อ poppolitical.com พบว่าแค่ในช่วง 4 เดือน หรือตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย 2016 ไปจนถึงวันที่ 20 ก.พ 2017 ซึ่งเป็นวันที่ชูร์คินเสียชีวิตอย่างกะทันหันพบว่า ทูตรัสเซียถึง 6 รายเสียชีวิต

เริ่มตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย 2016 เซอร์เก ครินอฟ(Sergei Krivov) เจ้าหน้าที่การทูตรัสเซียที่ทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ข่าวกรองสหรัฐฯสามารถดักฟังสถานทูตรัสเซียได้ ถูกพบถูกทำร้ายด้วยการถูกทุบที่ศรีษะอย่างแรงบริเวณสถานกงสุลรัสเซียในเมืองแมนฮัตตัน นิวยอร์ก และไม่นานหลังจากนั้นถูกประกาศว่าเสียชีวิต ซึ่งในตอนแรกทางเจ้าหน้าที่รัสเซียอ้างว่า นักการทูตรายนี้ตกลงมาจากหลังคา และการเสียชีวิตเกิดจากบาดแผลจากของไม่มีคม แต่ในภายหลังได้มีการเปลี่ยนให้การเสียชีวิตเกิดมาจากโรคหัวใจวายแทน

วันที่ 19 ธ.ค 2016 พีทร์ โพลชิคอฟ( Petr Polshikov) เจ้าหน้าที่การทูตระดับสูงรัสเซียประจำอยู่ในแผนกกลุ่มประเทศลาตินอเมริกาของกระทรวงต่างประเทศรัสเซีย ถูกยิงเสียชีวิตที่อพาทเมนต์ของเขาในกรุงมอสโก แต่ไม่สามารถจับตัวคนร้ายได้

วันที่ 26 ธ.ค 2016 โอเลก อิโรวินคิน(Oleg Erovinkin) อดีตหัวหน้าสายลับ KGB และอดีตผู้ช่วย อิกอร์ เซชิน (Igor Sechin) ถูกพบเป็นศพที่บริเวณเบาะหลังรถของตัวเอง มีรายงานว่า อิโรวินคินเป็นสายข่าวข้อมูลให้กับคริสโตเฟอร์ สตีล( Christopher Steele )อดีตสายลับ MI6 ของอังกฤษในข้อมูลแฟ้มลับสืบสวนประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งรายงานอย่างเป็นทางการถึงสาเหตุการเสียชีวิตของอิโรวินคินคือ โรคหัวใจวาย แต่ทว่าในช่วงเวลาที่เสียชีวิต มีรายงานชี้ว่าเขาถูกฆาตกรรม

ทั้งนี้อิกอร์ เซชินนั้นเคยดำรงตำแหน่งเป็นอดีตผู้ช่วยนายกรัฐมนตรีรัสเซีย ซึ่งในปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้บริหารบริษัทพลังงานรัสเซีย รอซเนฟต์(Rosneft)

วันที่ 9 ม.ค 2017 อันเดร มาลานิน (Andrei Malanin) นักการทูตรัสเซียทำหน้าที่หัวหน้าสถานทูตรัสเซียในกรีซ ถูกพบเป็นศพในห้องน้ำภายในอพาทเมนต์ของตัวเองในกรุงเอเธนส์ ซึ่งทางตำรวจกรีซสอบสวนหาสาเหตุการเสียชีวิต แต่ยังไม่มีการรายงานออกมาอย่างเป็นทางการ

วันที่ 27 ม.ค 2017 อเล็กซานเดอร์ คาดาคิน( Alexander Kadakin) เจ้าหน้าที่ทูตรัสเซียประจำอินเดีย เสียชีวิตหลังจากมีรายงานว่าล้มป่วยในช่วงสั้นๆ ในขณะที่รายงานอีกบางกระแสอ้างว่า เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจ

และวันที่ 20 ก.พ 2017 วิตาลี ชูร์คิน(Vitaly Churkin) อดีตทูตรัสเซียประจำองค์การสหประชาชาติ ซึ่งทางหเมืองนิวยอร์กได้เสนอให้ทำการทดสอบทางพิษวิทยาเพื่อระบุหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่นอน แต่ทางรัสเซียอ้างว่าเสียชีวิตจากโรคหัวใจล้มเหลว


ทั้งนี้เมื่อมองลึกไปถึงการเสียชีวิตที่เกิดในสหรัฐฯ อังกฤษ และยูเครน พบว่ามีลักษณะต่างกันจนเป็นที่สังเกตได้คือ “วิธีการที่ใช้” ที่พบว่าเหยื่อเป้าหมายที่ต้องจบชีวิตเกือบทุกคนในยูเครนล้วนแต่ถูกยิงเสียชีวิต ถูกทรมาน หรือถูกสังหารด้วยระเบิด อ้างอิงการรายงานจากยูเอสเอทูเดย์

ซึ่งผู้เชี่ยวชาญจากบริษัททางความมั่นคงสหรัฐฯ สตราตฟอร์( Stratfor) ที่มีฐานอยู่ในรัฐเทกซัส หัวหน้าแผนกความมั่นคง เฟรด เบอร์ตัน (Fred Burton)ได้ออกมาชี้ว่า เหตุผลเบื้องหลังนั้น หลากหลาย

โดยชี้ว่าอาจมีการเรียกใช้กลุ่มผู้ประท้วงรัสเซียที่ขึ้นชื่อว่ามีการใช้ความรุนแรง หรือบางทีรัสเซียอาจต้องการส่งสัญญาณไปยังยูเครน หรือบางทีรัสเซียต้องการเข้าโจมตีประชาคมข่าวกรองระดับสูงของทั้งสหรัฐฯและอังกฤษทางไซเบอร์

ซึ่งในการตอบโต้ อาจจบลงที่ทั้งสหรัฐฯและอังกฤษสามารถประกาศว่า เอกอัครราชทูตรัสเซียกลายเป็นบุคคลที่ไม่พึงปรารถนา (persona non grata) เพิ่มการสอดแนมกับบุคคลที่เชื่อว่าเป็นสายลับของรัสเซีย หรือแม้แต่ให้ตำรวจสากลอินเตอร์โพลออกหมายจับบุคคลที่เชื่อว่า เป็นมือลอบสังหาร เบอร์ตันกล่าว

“แต่อย่างไรก็ตาม อาจส่งผลตามมาทางนโยบายต่างประเทศ” ผู้เชี่ยวชาญจากสตราตฟอร์กล่าวกับบิสซิเนสอินไซเดอร์ “ซึ่งผมมองไม่เห็นหนทางในแง่บวกนัก”






กำลังโหลดความคิดเห็น