เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ - บริษัทพลังงานสัญชาติรัสเซีย กาซปรอม (Gazprom ) เริ่มต้นวางระบบท่อสายส่งสำหรับโปรเจกต์ท่อส่งก๊าซธรรมชาติตุรกี เติร์กสตรีม (Turkish Stream natural gas pipeline) บริเวณนอกชายฝั่งทะเลดำ ซีอีโอใหญ่กาซปรอม อเล็กเซย์ มิลเลอร์(Aleksey Miller) แถลงความสำเร็จเมื่อวานนี้( 7 พ.ค) เกิดขึ้นไม่กี่วันหลังการประชุมโซชิระหว่างผู้นำตุรกีและรัสเซีย 4 วันก่อนหน้า
RT สื่อรัสเซีย รายงานวันนี้(8 พ.ค)ว่า อเล็กเซย์ มิลเลอร์(Aleksey Miller) ผู้อำนวยการบริหารบริษัทพลังงานรัสเซียที่มีเครมลินเป็นเจ้าของ บริษัทกาซปรอม(Gazprom ) กล่าวผ่านแถลงการณ์ในวันอาทิตย์(7 พ.ค)ว่า “ในวันนี้ เราได้เริ่มต้นอย่างเป็นทางการต่อการเดินหน้าโครงการก่อสร้างระบบส่งก๊าซธรรมชาติตุรกี ซึ่งจะเป็นยูนิตส่วนการวางท่อใต้น้ำนอกชายฝั่ง โดยโครงการได้เดินหน้าตามแผนที่วางไว้อย่างเคร่งครัด”
และในแถลงการณ์ของซีอีโอกาซปรอมยังระบุต่อว่า “ภายในช่วงปลายปี 2019 เชื่อได้ว่า ตุรกีเพื่อนของเรา และผู้บริโภคชาติอื่นๆในยุโรป จะได้รับการป้อนก๊าซพลังงานธรรมชาตินำเข้าจากรัสเซียอย่างสม่ำเสมอ”
ทั้งนี้ในการแถลงของมิลเลอร์ในพิธีเปิดยังได้มีการกล่าวไปถึงรายละเอียดการเดินหน้าของโปรเจกต์การก่อสร้าง ที่กำลังเกิดขึ้นบริเวณนอกแนวชายฝั่งคราสโนดาร์ ไคร( Krasnodar Krai) รัสเซีย ซึ่งกระทำโดยเรือวางระบบเครือข่ายท่อส่งใต้ทะเลชื่อ ออดาเซีย ( Audacia) โดยมีบริษัทผู้รับเหมาหลักสัญชาติสวิส ออลซีส์( Allseas) เป็นเจ้าของ ซึ่งพบว่าบริษัทแห่งนี้ได้รับมอบหมายให้ก่อสร้างทั้งสองขาของระบบท่อส่งก๊าซ ที่มีความยาวกว่า 900 ก.ม
RT รายงาานว่า ขาแรกของโครงการเติร์กสตรีมนั้นพบว่ามีศักยภาพการส่งก๊าซธรรมชาติราว 15.75 พันล้านคิวบิกเมตรซึ่งจะทำการส่งก๊าซธรรมชาติตรงจากรัสเซียเข้าสู่ตุรกี ในขณะที่ขาที่สองจะเห็นภาพการส่งสินค้าก๊าซธรรมชาติแดนหมีขาวเข้าไปยังผู้บริโภคในยุโรป ผ่านพรมแดนตุรกีและกรีซ
ทั้งนี้การประกาศเริ่มต้นการก่อสร้างมีขึ้นในที่สุด หลังมีการพบปะระหว่างประธานาธิบดีตุรกี เรเจป ไตยิป แอร์โดอัน และประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ในเมืองโซชิ เมื่อวันที่ 3 พ.ค ที่ผ่านมา และหนึ่งในหัวข้อการสนทนาระหว่างสองผู้นำคือ โครงการระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติตุรกี ที่ได้ถูกลงนามในสัญญาร่วมกันก่อนหน้านี้ที่เมืองอิสตันบูลเมื่อเดือนตุลาคม 2016
และในวันถัดมาหลังจากการประชุมในเมืองโซชิ รัสเซีย มิลเลอร์ ซีอีโอกาซปรอมได้ออกมาเปิดเผยกับปูตินว่า ทางบริษัทได้เสร็จสิ้นขั้นเตรียมความพร้อมการก่อสร้างแล้ว และสามารถที่จะเริ่มต้นก่อสร้างระบบท่อส่งก๊าซใต้น้ำที่พาดผ่านใต้ทะเลได้ในไม่กี่วันข้างหน้า
โปรเจกต์ระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติตุรกี เติร์กสตรีม ในเบื้องต้นคาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 12.7 พันล้านดอลลาร์ ถูกประกาศขึ้นในเดือนธันวาคม 2014 แต่อย่างไรก็ตาม โครงการนี้ได้ถูกระงับลงชั่วคราว หลังเกิดเหตุเครื่องบินทิ้งระเบิดรัสเซีย Su-24 ถูกกองทัพอากาศตุรกียิงตกในเดือนพฤศจิกายน 2015 และตามมาด้วยปัญหาความเสื่อมทรามทางการทูตระหว่างทั้งสองประเทศหลังจากนั้น
แต่ทว่าตั้งแต่เดือนสิงหาคมล่าสุด มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น หลังจากทางตุรกียอมประกาศขอโทษรัสเซียอย่างเป็นทางการต่อปัญหาเครื่องบินทิ้งระเบิดหมีขาวถูกยิง ทำให้โครงการจำนวนมากที่ได้ถูกระงับไปก่อนหน้านี้ และค้างอยู่ ไม่ว่าจะเป็น โครงการก่อสร้างโรงงานพลังงานไฟฟ้านิวเคลียร์โรงแรกของตุรกี และโครงการระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติตุรกี ถูกนำกลับมาปัดฝุ่นวางบนโต๊ะอีกครั้ง
ในรายละเอียดอ้างอิงจากข้อตกลงในเดือนตุลาคม 2016 พบว่า รัสเซียมีความรับผิดชอบต้องก่อสร้างและเป็นเจ้าของในส่วนระบบท่อส่งทางทะเลของทั้ง 2 ขาของโครงการเติร์กสตรีม ส่วนตุรกี พันธมิตรร่วมโครงการ จะรับผิดชอบเฉพาะในส่วนการก่อสร้างที่อยู่บนบกสำหรับระบบท่อส่งก๊าซที่จะจ่ายให้กับประชาชนตุรกีเท่านั้น
โดยในการระบุในรายละเอียดบนเว็บไซต์ของกาซปรอมพบว่า บริเวณยูนิตนอกชายฝั่งนั้นจะเป็นการวางระบบท่อส่งก๊าซใต้น้ำพาดผ่านใต้ทะเลดำ โดยระดับความลึกสูงสุดตลอดระยะทางอยู่ที่ 2,200 ม. ส่วนระยะทางของระบบท่อบริเวณนอกชายฝั่งนั้นมีราว 910 ก.ม ซึ่งระบบท่อส่งจะโผล่เหนือพื้นน้ำขึ้นบกบริเวณชายฝั่งยุโรปของตุรกีใกล้กับ Kıyıköy ซึ่งจะมีการนำส่งก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียไปยังจุดแจกจ่ายที่ Lüleburgaz เพื่อส่งต่อให้กับผู้บริโภคตุรกี และข้ามพรมแดนจากตุรกีไปยังกรีซที่จุดจ่ายอิปซาลา( İpsala) เพื่อนำก๊าซธรรมชาติรัสเซียส่งป้อนต่อเข้าผู้บริโภคในยุโรปต่อไป