xs
xsm
sm
md
lg

สุดอาลัย!! “ลูกช้างป่าตัวน้อย” ถูกพบเป็นศพข้างถนนไฮเวย์มาเลเซีย โลกโซเชียลมีเดียแดนเสือเหลืองเดือดจัด ประณามนักขับใจร้าย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เอเจนซีส์ - เจ้าหน้าที่อุทยานมาเลเซียพบซากลูกช้างป่าล้มอยู่ข้างถนนไฮเวย์ในวันศุกร์ (16 มิ.ย.) เชื่อถูกนักขับแดนเสือเหลืองชนจนเสียชีวิต สร้างความโกรธแค้นไปทั่วโลกโซเชียลมีเดียมาเลเซียเป็นอย่างมาก และกล่าวโทษไปถึงความประมาทเลินเล่อของบรรดานักขับ จนทำให้ลูกช้างป่าต้องเสียชีวิตทั้งๆ ที่มีป้ายเตือน

บีบีซี สื่ออังกฤษรายงานวันนี้ (19 มิ.ย.) ว่า เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติมาเลเซียออกมาเปิดเผยว่า เป็นผู้พบซากลูกช้างป่าตัวหนึ่ง ล้มอยู่ข้างถนนมีเลือดไหลท่วม เชื่อน่าจะเสียชีวิตจากการถูกรถชน

โดยสื่อเดอะสตาร์ของมาเลเซีย รายงานว่า ซากลูกช้างตัวนี้ถูกพบบริเวณข้างถนนไฮเวยเกริค-เจลี (Gerik-Jeli Highway) ทางเจ้าหน้าที่อุทยานฯพบในเวลา 7.00 น. ของวันศุกร์ (16 มิ.ย.)

ทั้งนี้ บรรดานักสิ่งแวดล้อมต่างออกมาชี้ว่า เป็นเพราะที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติของช้างป่านั้นถูกทำลาย ทำให้ฝูงช้างป่าต้องอพยพเข้ามาใกล้กับบริเวณถนนไฮเวย์อีสต์-เวสต์ (East-West) ที่เชื่อมกับรัฐกลันตันทางตะวันออกเฉียงเหนือไปทั่วมาเลเซีย

และเหตุการณ์นี้ทำให้เจ้าหน้าที่มาเลเซียออกมากระตุ้นให้กับบรรดานักขับแดนเสือเหลือง “ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ” ในขณะที่อยู่บนถนนไฮเวย์ถึงแม้ว่าเหตุการณ์นี้จะไม่เกิดขึ้นบ่อยครั้งก็ตาม

“ทางเราได้ติดตั้งป้ายบอกเตือนให้ผู้ขับขี่รับทราบว่า อาจจะมีฝูงช้างป่าข้ามถนนตลอดความยาวของถนนไฮเวย์” ลู เคียน ซง (Loo Kean Seong) ผู้อำนวยการสำนักงานอนุรักษ์สัตว์ป่าและอุทยานแห่งชาติเปรัค Perhilitan แถลง

และกล่าวต่อว่า “ดังนั้น พวกเขาจึงต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงการเดินทางเวลาดึกหรือช่วงเช้ามืด”

ด้านกลุ่มการจัดการและระบบนิเวศของช้างมาเลเซีย MEME (the Management and Ecology of Malaysian Elephants) กลุ่มอนุรักษ์ช้างมาเลเซียที่มีฐานอยู่ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ได้ออกแถลงการณ์ถึงเหตุการณ์พบซากลูกช้างป่าในวันศุกร์ (16 มิ.ย.) ว่า

“ทางเราเชื่อว่าการล้มของลูกช้างป่าตัวนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ถูกรถพุ่งเข้าชนที่บริเวณส่วนหัว และครอบครัวของลูกช้างไม่อยู่ในบริเวณนั้นเมื่อทางเราได้เดินทางไปถึง” อฮิมซา แคมปอซ-อาร์ซีส (Ahimsa Campos-Arceiz) กล่าว

ในการให้ข้อมูลกับบีบีซี ตัวแทนจากกลุ่มอนุรักษ์ช้างมาเลเซีย ระบุว่า เหตุการณ์ล้มของช้างป่านั้นเคยเกิดขึ้นในป่าเมื่อปี 2010 และปี 2014

แถลงการณ์ของกลุ่ม MEME ยังออกมาชี้ว่า “ช้างป่ามาเลเซียได้สูญเสียพื้นที่ป่าจำนวนมาก และทำให้ฝูงช้างต้องเดินลงเข้าสู่เขตถนนจำนวนเพิ่มมากขึ้น เพื่อหาอาหาร เป็นต้นว่า หญ้า ต้นปาล์ม และต้นไผ่”

และได้ชี้ว่า “ฝูงช้างป่าเหล่านี้อยู่ข้างถนนนานมากขึ้น” ซึ่ง อฮิมซา แคมปอซ-อาร์ซีส ยืนยันว่า เห็นควรให้มีการออกกฎกำหนดระดับความเร็วการขับขี่ และควรติดตั้งไฟฟ้าบนถนนเพิ่มมากขึ้น

นอกจากนี้ แถลงการณ์ของกลุ่มอนุรักษ์ช้างมาเลเซีย ยังระบุต่อว่า “ในขณะที่มาเลเซียกำลังพัฒนา ประเทศสมควรที่ต้องมีการประนีประนอมไปพร้อมกัน โดยเฉพาะต่อสภาพภูมิประเทศซึ่งเป็นบ้านของผืนป่าที่สำคัญของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ช้างป่าจำเป็นต้องมีพื้นที่เพื่อที่จะได้เดินอย่างอิสระและปลอดภัย”

สื่ออังกฤษระบุว่า เหตุการณ์ล้มของลูกช้างป่าสร้างความสนใจและความโกรธแค้นจากสังคมโลกโซเชียลมีเดียมาเลเซีย โดยมีบางส่วนแสดงความเสียใจในการที่สัตว์ป่า เช่น ช้างป่าต้องสูญเสียพื้นที่อาศัยในป่า และจำเป็นต้องออกมาใกล้กับเขตชุมชนเมืองมากขึ้น ในขณะทีอีกบางส่วนแสดงความไม่พอใจในนิสัยการขับรถอย่างประมาทและเลินเล่อของบรรดานักขับ

“เมื่อคุณเห็นป้ายแสดงเตือนให้ลดระดับความเร็วลง คุณต้องลด” อิซูนี เนีย (Izuni Nia) หนึ่งในผู้ออกความเห็นกล่าว และเสริมต่อว่า “เป็นสิ่งง่ายๆ ที่ทำได้ เพราะยังไงป่าก็ยังเป็นบ้านของพวกมัน”

ในขณะที่ยูสเซอร์จากกรุงกัวลาลัมเปอร์ แสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊กในเรื่องนี้ ว่า “อยากจะรู้ว่านักขับมองไม่เห็นสัตว์ใหญ่เช่นนี้ได้อย่างไร” ซึ่งชี้ไปในทางว่า บางทีนักขับรายนั้นที่ทำให้ลูกช้างป่าตายนั้นอาจเกิดมาจากความมึนเมาและขับ หรือเป็นเพราะขับรถด้วยความเร็วสูง

และยูสเซอร์รายนี้ยังแสดงความเห็นเพิ่มอีกว่า “ไม่มีใครแม้แต่น้อยที่จะจอดรถลง และอยู่ข้างลูกช้างป่าตัวนี้ หรือแม้แต่จะแจ้งให้ทางเจ้าหน้าที่รับทราบ”


กำลังโหลดความคิดเห็น