เอเจนซีส์ - รัฐบาลนอร์เวย์เตรียมออกกฎหมายห้ามสวมผ้าคลุมศรีษะมุสลิมแบบเปกปิดทั้งใบหน้า เช่น บูร์กา (Burqas) หรือ นิกอบ (Niqab) ในสถานการศึกษาทุกระดับทั้งของรัฐบาลนอร์เวย์และของเอกชนทั่วประเทศ อ้างเหตุ เป็นการขัดขวางการสื่อสาร ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการเรียนรู้ในสังคมเปิดเช่น นอร์เวย์ ที่ทุกคนต้องมีสิทธิ์เห็นหน้าค่าตาของอีกฝ่ายในระหว่างการสนทนา
RT สื่อรัสเซียรายงานเมื่อวานนี้(12 มิ.ย)ว่า กฎหมายห้ามสวมผ้าคลุมศรีษะแบบปกปิดมิดชิดในสถานศึกษาของนอร์เวย์ ได้ถูกทำให้เดินหน้าในวันจันทร์(12 มิ.ย) เป็นกฎหมายที่บนรรดาผู้เห็นด้วยออกมาชี้ว่า จะช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ในสถานศึกษาของนอร์เวย์ที่เป็นสังคมเปิด
การบังคับใช้นี้จะมีผลตั้งแต่ระดับเนิร์สซารีเลี้ยงเด็กเล็กก่อนวัยเรียนไปจนถึงระดับมหาวิทยาลัย และบังคับทั้งในสถานศึกษาของภาครัฐและเอกชนทั่วประเทศ ซึ่งรัฐมนตรีการศึกษานอร์เวย์ ทอร์บยอร์น รูอา อีซัคเซน ( Torbjorn Roe Isaksen) และ รัฐมนตรีเข้าเมืองนอร์เวย์ พาร์ ซานด์เบิร์ก(Per Sandberg) เป็นผู้เสนอกฎหมายใหม่ฉบับนี้
โดยการบังคับนอกจากนักเรียนแล้ว ยังรวมไปถึงระดับเจ้าหน้าที่ของสถานศึกษา
ซึ่งอิซัคเซนกล่าววว่า “เราไม่ต้องการเห็นผ้าคลุมหน้าภายในสถานเลี้ยงเด็ก โรงเรียน หรือมหาวิทยาลัย”
ทั้งนี้มีรายงานว่า กฎหมายฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้กับผู้อพยพเข้าเมืองนอร์เวย์ที่ต้องเข้าเรียนภาษาและการเรียนสำหรับผู้อพยพเช่นกัน
และรัฐมนตรีศึกษาธิการนอร์เวย์ยังกล่าวต่อว่า “ผ้าคลุมศรีษะที่ปกปิดใบหน้าจนมิดชิดนั้น ถือเป็นการขัดขวางการสื่อสาร ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับบรรดานักเรียนและนักศึกษาในการเรียนรู้” ในขณะที่ซานด์เบิร์ก รัฐมนตรีเข้าเมืองนอร์เวย์ที่มาจากพรรคการเมืองก้าวหน้านอร์เวย์ (Progress Party )ซึ่งถูกขึ้นชื่อว่าเป็นพรรคต่อต้านการอพยพ กล่าวในแถลงการณ์ว่า “สังคมนอร์เวย์นั้นเป็นสังคมเปิดกว้าง ที่ทุกคนสมควรที่จะต้องเห็นใบหน้าซึ่งกันและกัน”
สื่อรัสเซียชี้ว่า กฎหมายฉบับใหม่ บังคับห้ามเฉพาะผ้าคลุมศรีษะหญิงมุสลิมแบบปกปิดทั้งใบหน้า คือ บูร์กา (Burqas) หรือ นิกอบ (Niqab) เท่านั้น แต่ไม่รวมไปถึง ฮิญาบ(hijab ) หรือผ้าคลุมศรีษะแบบอื่นๆที่ยังเปิดเผยทั้งใบหน้าของผู้สวมใส่ อ้างอิงจากแถลงการณ์รัฐบาลนอร์เวย์ แต่อย่างไรก็ตาม ในกฎหมายนี้ยังมีข้อยกเว้นสำหรับผ้าคลุมหน้าเพื่อจุดประสงค์ทางการศึกษา ความปลอดภัย หรือการแพทย์ เป็นต้น
ทั้งนี้พบว่า การห้ามสวมผ้าคลุมศรีษะแบบปกปิดมิดชิดได้ถูกบังคับใช้แล้วก่อนหน้าในบางโรงเรียนของนอร์เวย์ เป็นต้นว่า ในกรุงออสโล เอิสต์ฟอลด์ (Østfold ) และอาเคอรชูซ(Akershus) แต่ในปัจจุบันทางออสโลต้องการให้บังคับใช้ทั่วประเทศ
Rtรายงานว่าร่างกฎหม่ายที่ว่าจะต้องถูกส่งไปยังสถานศึกษาต่างๆที่จะได้รับผลกระทบ เพื่อขอคำแนะนำและความเห็นภายในวันที่ 20 กันยายนที่จะถึง ซึ่งทางรัฐมนตรีศึกษาธิการนอร์เวย์ยืนยันกับรอยเตอร์ว่า “ทางเราเชื่อมั่นว่าร่างกฎหมายนี้จะต้องผ่านการอนุมัติจากรัฐสภานอร์เวย์อย่างแน่นอน”
ด้านสมาพันธ์นักเรียนนอร์เวย์ออกมาต่อต้าน โดยได้ออกแถลงการณ์ประณามกฎหมายใหม่ ซึ่งผู้นำของสมาพันธ์ชี้ว่า “หากว่าเสื้อผ้าแม้แต่ชิ้นเดียวนั้นไม่เป็นอุปสรรคต่อการสอน ดังนั้นด้วยเหตุผลเดียวกัน จึงไม่เห็นความจำเป็นต้องออกข้อห้ามนี้”
ซึ่งมารีแอนน์ เค. อันเดเนียส(Marianne K. Andenæs) จากองค์การนักศึกษานอร์เวย์ยืนยันในสิทธิการได้รับการศึกษาว่า ต้องถูกบังคับใช้สำหรับทุกคน รวมไปถึงกลุ่มคนที่มีเหตุผลส่วนบุคคลที่เป็นปัญหากับนักการเมืองในการทำความเข้าใจ
ฝรั่งเศสเป็นชาติแรกในยุโรปที่ประกาศให้การสวมผ้าคลุมศรีษะแบบปกปิดในที่สาธารณะมีความผิด ซึ่งเกิดขึ้นในปี 2011 และต่อมาชาติอื่นๆ เช่น เบลเยียม เนเธอร์แลนด์ บัลแกเรีย และแคว้นบาวาเรียของเยอรมันบังคับใช้กฎหมายคล้ายกันนี้ นอกจานี้ในต้นเดือนนี้ ออสเตรียได้ประกาศบังคับใช้กฎหมายสั่งปรับหญิงที่สวมผ้าคลุมศรีษะมุสลิม บูร์กา หรือ นิกอบ ตั้งแต่ตุลาคมนี้เป็นต้นไป