เอเอฟพี - ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ออกมาตอบโต้คำให้การต่อวุฒิสภาของ เจมส์ โคมีย์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) เมื่อวานนี้ (9 มิ.ย.) โดยกล่าวหา โคมีย์ ว่า ให้การเท็จเกี่ยวกับบทสนทนาส่วนตัว และยืนยันว่า ตนมีความพร้อม “100 เปอร์เซ็นต์” ที่จะเข้าให้การ และกล่าวสาบานตนเพื่อยืนยันในความบริสุทธิ์
โคมีย์ ได้เข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการวุฒิสภาในวันพฤหัสบดี (8) โดยอ้างว่า ทรัมป์ พยายามกดดันให้เอฟบีไอเลิกตรวจสอบ ไมเคิล ฟลินน์ อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์ทางการเมืองที่ผิดพลาด และอาจถึงขั้นขัดขวางกระบวนการยุติธรรมซึ่งเป็นความผิดอาญา
โคมีย์ กล่าวหา ทรัมป์ ว่าเป็น “คนโกหก” และชี้ว่า ประธานาธิบดีสั่งปลดตน เพราะไม่พอใจที่เป็นผู้นำการสอบสวนเรื่องรัสเซียยุ่งเลือกตั้งสหรัฐฯ เมื่อปีที่แล้ว
ระหว่างให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบขาวเมื่อศุกร์ (10) ทรัมป์ ยืนยันว่า คำให้การของ โคมีย์ “ไม่ได้แสดงถึงการสมรู้ร่วมคิด หรือการขัดขวางใดๆ” ซึ่งหมายถึงกรณีที่ผู้ช่วย ทรัมป์ ถูกกล่าวหาว่าสมรู้ร่วมคิดกับรัสเซียเพื่อแกว่งผลเลือกตั้ง และเรื่องที่ ทรัมป์ พยายามขัดขวางกระบวนการตรวจสอบ ฟลินน์
ทรัมป์ ยังสวนกลับ โคมีย์ ว่าเป็น “คนปากสว่าง” (leaker) นำเนื้อหาบทสนทนาที่พูดคุยกันเป็นการส่วนตัวไปบอกนักข่าวอย่างอ้อมๆ ก่อนจะถูกปลดนานหลายสัปดาห์ ขณะที่แหล่งข่าวใกล้ชิดทีมกฎหมายของ ทรัมป์ ยืนยันว่า จะมีการยื่นฟ้องไปยังกระทรวงยุติธรรมเพื่อเอาผิด โคมีย์
“บางสิ่งบางอย่างที่เขาพูดไม่ใช่ความจริง” ทรัมป์ กล่าวเสริม และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเขาพร้อมหรือไม่ที่จะให้ข้อมูลและกล่าวสาบานต่อหน้า โรเบิร์ต มุลเลอร์ ที่ปรึกษาพิเศษผู้ดูแลคดีนี้ ทรัมป์ ก็ตอบชัดเจนว่า “100 เปอร์เซ็นต์... ผมพร้อมที่จะบอกเขาในสิ่งที่ผมเพิ่งบอกพวกคุณไป”
ทำเนียบขาวยังฉวยโอกาสอ้างชัยชนะจากคำยืนยันของ โคมีย์ ที่ว่า ทรัมป์ ไม่เคยถูกเอฟบีไอสอบสวนเรื่องความสัมพันธ์กับรัสเซีย โดยตัวประธานาธิบดีเองได้โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ว่า มันเป็นการ “ล้างข้อกล่าวหาอย่างสมบูรณ์แบบ”
อดีต ผอ.เอฟบีไอ ไม่ได้กล่าวหาตรงๆ ว่า ทรัมป์ ขัดขวางกระบวนการยุติธรรม ซึ่งถือเป็นความผิดร้ายแรงที่อาจนำไปสู่การถอดถอน โดยขอให้ มุลเลอร์ เป็นผู้พิจารณาและตัดสินใจเรื่องนี้
ผู้สื่อข่าวถามเรื่องที่ โคมีย์ อ้างว่า ทรัมป์ เคยขอให้เอฟบีไอหยุดตรวจสอบ ฟลินน์ ผู้นำสหรัฐฯ ก็ตอบว่า “ผมไม่เคยพูดแบบนั้น... และต่อให้ผมพูดก็ไม่มีอะไรผิด ตามความเห็นของทุกๆ คนที่ผมได้อ่านวันนี้”
ระหว่างเข้าให้ปากคำต่อคณะกรรมาธิการข่าวกรองแห่งวุฒิสภาเป็นเวลาเกือบ 3 ชั่วโมงเมื่อวันพฤหัสบดี (8) โคมีย์ ระบุว่ารู้สึก “อึ้ง” กับพฤติกรรมอัน “น่ารังเกียจและน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง” ที่ ทรัมป์ ปฏิบัติต่อตน และตัดสินใจจดบันทึกการสนทนาเอาไว้อย่างละเอียด เพราะเกรงว่าผู้นำสหรัฐฯ จะ “โกหก” ในภายหลัง
โคมีย์ ยอมรับว่า ตนขอให้เพื่อนนำบันทึกบทสนทนาไปเปิดเผยกับผู้สื่อข่าว โดยคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้วว่าเรื่องนี้จะนำไปสู่การแต่งตั้งที่ปรึกษาพิเศษ
ทรัมป์ ปฏิเสธที่จะตอบตรงๆ เมื่อสื่อมวลชนถามว่ามีเทปบันทึกเสียงการสนทนาระหว่างเขากับ โคมีย์ อยู่จริงหรือไม่
“เดี๋ยวผมจะแจ้งให้ทราบ อาจจะเร็วๆ นี้” ทรัมป์ กล่าว
คณะกรรมาธิการข่าวกรองแห่งวุฒิสภาได้ส่งหนังสือถึง ดอน แมคกาห์น ที่ปรึกษาทำเนียบขาว เพื่อสอบถามว่ามีเทปบันทึกเสียงสนทนาอยู่หรือไม่ และขอให้ส่งให้คณะกรรมาธิการตรวจสอบภายในวันที่ 23 มิ.ย.