xs
xsm
sm
md
lg

ออสเตรเลียเตรียมเพิ่มอำนาจให้ตำรวจยิงผู้ต้องสงสัยได้ทันที หากเกิดเหตุก่อการร้าย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เอเจนซีส์ - ผู้ว่าการรัฐนิวเซาท์เวลส์ในประเทศออสเตรเลีย เปิดเผยในวันพฤหัสบดี (8 มิ.ย.) ว่าภายใต้ร่างกฎหมายใหม่ที่มีการนำเสนอไปแล้ว ตำรวจในรัฐที่มีประชากรมากที่สุดแห่งนี้จะได้รับอนุญาตให้ยิงผู้ต้องสงสัยในเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับก่อการร้ายได้เลย แม้ว่าผู้ก่อเหตุจะยังไม่แสดงท่าทางเป็นภัยคุกคามก็ตาม

การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นหลังจากมีเหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้นหลายครั้ง โดยฝีมือของพวกที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากมุสลิมหัวรุนแรง ซึ่งร้ายแรงจนเกิดการตั้งคำถามเกี่ยวกับกลยุทธ์แบบดั้งเดิมของตำรวจที่มักจะใช้การควบคุมสถานการณ์และเจรจาต่อรองกรณีเกิดเหตุคนร้ายจับตัวประกัน

ภายใต้ร่างกฎหมายใหม่นี้ซึ่งดูเหมือนว่าจะมีการนำมาบังคับใช้แน่เนื่องจากสภาของรัฐให้การสนับสนุน จะทำให้เจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการอย่างเด็ดขาดได้ทันที หากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงประกาศว่าเกี่ยวข้องกับก่อการร้าย

ในปัจจุบันตำรวจออสเตรเลียยังต้องรอจนกว่าผู้ต้องสงสัยแสดงทีท่าว่ากำลังจะเป็นภัยคุกคามต่อชีวิตผู้อื่น จึงจะดำเนินการขั้นเด็ดขาดได้

มิก ฟูลเลอร์ ผู้บัญชาการตำรวจประจำรัฐ ระบุว่า จำเป็นจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เพื่อทำ “พื้นที่สีเทา” ให้มันถูกต้อง

“เมื่อคุณอยู่ในสถานการณ์แบบที่คาเฟ่ Lindt (การจับตัวประกันเมื่อปี 2014) แล้วคุณมีพลซุ่มยิงอยู่ห่างออกไป 300 เมตร ในตอนนั้นพลซุ่มยิงจะต้องคิดเอาเองว่าการยิงนั้นจะถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ถ้าหากมันไม่มีความแน่นอน มันก็เป็นเรื่องที่เข้าใจกันได้ว่าพลซุ่มยิงจะลังเล” ฟูลเลอร์บอกกับนักข่าว

เมื่อปี 2014 ตำรวจต้องรออยู่นานถึง 16 ชั่วโมง กว่าจะบุกเข้าไปในคาเฟ่ Lindt หลังจากที่คนร้ายได้ฆ่าตัวประกันไป 1 ราย แม้ว่าตำรวจจะสามารถสังหารคนร้ายได้ แต่ก็มีตัวประกันรายที่ 2 เสียชีวิต


“นิกกี เฮลี” ยัน ถึงแม้ทรัมป์จะถอนจากสนธิสัญญาโลกร้อนปารีส แต่ใช่จะไม่สนใจอากาศ - เบื้องหลังสั่งถอน “โคช อินดัสตรีส์” ทุนใหญ่ออกคำสั่ง
“นิกกี เฮลี” ยัน ถึงแม้ทรัมป์จะถอนจากสนธิสัญญาโลกร้อนปารีส แต่ใช่จะไม่สนใจอากาศ - เบื้องหลังสั่งถอน “โคช อินดัสตรีส์” ทุนใหญ่ออกคำสั่ง
ในขณะที่ทำเนียบขาวไม่ยอมออกมาให้คำตอบถึงการตัดสินใจของผู้นำสหรัฐฯในการถอนอเมริกาจากสนธิสัญญาว่าด้วยโลกร้อนปารีสในสัปดาห์นี้ แต่ทว่าล่าสุดในการให้สัมภาษณ์ของเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำยูเอ็น นิกกี เฮลี ที่จะออกอากาศวันนี้ (4 มิ.ย.) ออกมาปกป้องการตัดสินใจ โดยยืนยันว่า โดนัลด์ ทรัมป์ คิดถึงโลกร้อน รับรู้ว่า “อากาศกำลังเปลี่ยนแปลง” ที่ส่วนหนึ่งอาจเกิดมาจากมลพิษ แต่ชี้ว่าถึงแม้สหรัฐฯ จะถอนตัวออกไป แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่สนใจต่อสภาพแวดล้อม ด้านผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบียเชื่อใบสั่งถอนออกมาจากทุนใหญ่พรรครีพับลิกัน โคช อินดัสตรีส์ (Koch Industries)
กำลังโหลดความคิดเห็น