โสมแดงลั่นจะไม่มี “รวมญาติ” อีก หากเกาหลีใต้ไม่ส่งพลเมืองที่หลบหนีคืน

เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่อาวุโสของเกาหลีเหนือประกาศในวันนี้ (7 มิ.ย.) ว่าจะไม่มีการรวมญาติสำหรับครอบครัวที่พลัดพรากจากกันเมื่อหลายสิบปีที่แล้วเนื่องจากสงครามอีก จนกว่าเกาหลีใต้จะส่งพลเมืองกลุ่มหนึ่งจากรัฐสันโดษแห่งนี้กลับมา

เกาหลีเหนือระบุว่า พลเมือง 12 คนถูกลักพาตัวในขณะที่เกาหลีใต้ระบุว่าพวกเขาหลบหนีออกมาโดยสมัครใจ เปียงยางยังต้องการให้ส่งคืนพลเมืองคนที่ 13 ด้วย

หลายครอบครัวที่พลัดพรากจากกันเนื่องจากสงครามเกาหลีที่จบลงเมื่อกว่า 60 ปีที่แล้ว เป็นส่วนที่แสดงให้เห็นถึงความน่าเศร้าที่สุดของการแบ่งแยกคาบสมุทรแห่งนี้

เนื่องจากไม่มีการติดต่อกันโดยตรงระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ ไม่มีแม้กระทั่งสายโทรศัพท์ คนจำนวนมากจึงไม่รู้เลยว่าพ่อแม่ พี่น้อง หรือลูกหลานของพวกเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่

การพบปะถูกจัดขึ้นหลายครั้งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเมื่อความสัมพันธ์ข้ามเขตปลอดทหารเป็นมิตรมากขึ้น ทำให้ชาวเกาหลีใต้ราว 4,000 คนได้พบครอบครัวของพวกเขาเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปี

แต่การรวมญาติครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในปี 2015 ก่อนที่ความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีจะถูกระงับท่ามกลางความพยายามพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของโสมแดง

ในสัปดาห์นี้พรรครัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านในเกาหลีใต้เห็นพ้องกันว่าจะควรจะหาทางจัดการรวมญาติใหม่อีกครั้งในเดือนสิงหาคมเพื่อรำลึกครบรอบการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2

แต่ คิม ยองโชล จากคณะกรรมาธิการเพื่อการรวมชาติเกาหลีอย่างสันติของโสมแดง ทำให้ข้อเสนอดังกล่าวหมดหวังในวันนี้ (7)

“ในเวลานี้มีประเด็นอื่นที่สำคัญและเร่งด่วนกว่า” เขาบอกกับเอเอฟพีในเปียงยาง และระบุว่า พนักงาน 12 คนที่หลบหนีออกมาจากร้านอาหารในจีน “ถูกใช้กำลังกักขังในเกาหลีใต้” รวมไปถึง คิม รยอนฮุย ช่างตัดเสื้อที่ระบุว่า เธอต้องการกลับไปยังเกาหลีเหนือ

“พวกเขาควรถูกส่งกลับในทันที”

เขากล่าวว่า พ่อของ รี จีเย หนึ่งในชาวโสมแดง 12 คน “ตายตาไม่หลับและสาปแช่งผู้ที่กักขังลูกขาวของเขา”

“หาก คิม รยอนฮุย และพนักงานหญิงอีก 12 คนไม่ถูกส่งตัวกลับในทันที ก็ไม่อาจมีความร่วมมือเพื่อมนุษยธรรมรูปแบบใดๆ อีก และนี่คือจุดยืนด้วยหลักการของเรา”

เปียงยางถูกกล่าวหาว่าละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวาง การสืบสวนของสหประชาชาติและกลุ่มรณรงค์ระบุว่า คนที่ถูกส่งกลับไปยังเกาหลีเหนือจะเผชิญกับการลงโทษอย่างรุนแรง

สมาชิกของครอบครัวที่แตกแยกราว 60,000 คนยังคงมีชีวิตอยู่ในเกาหลีใต้ แต่พวกเขากำลังตายจากไปอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่เคยแม้แต่เข้าร่วมการวมญาติเลย

ความหวังว่ามีโครงการรวมญาติใหม่อีกครั้งเกิดขึ้นจากการชนะเลือกตั้งเมื่อเดือนที่แล้วของประธานาธิบดี มุน แจอิน ที่สนับสนุนการมีปฏิสัมพันธ์กับเปียงยางและเสนอให้มีการรวมญาติสำหรับครอบครัวที่พลัดพรากจากกันเพื่อแลกเปลี่ยนกับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมสำหรับเกาหลีเหนือเช่นการก่อสร้างโรงพยาบาล

ครอบครัวของมุนเองก็พลัดพรากจากกันเมื่อพ่อแม่ของเขาหลบหนีออกจากเกาหลีเหนือ และเขาและแม่เป็นผู้มีส่วนร่วมในการรวมญาติเมื่อปี 2004 ที่เขาได้พบกับป้าของเขา

“ผมสามารถบรรยายความเจ็บปวดของผู้ลี้ภัยได้ดีกว่าใครทั้งนั้น” เขากล่าวในการหาเสียง