เอเอฟพี/รอยเตอร์ - อียิปต์เผยจะระงับความเชื่อมโยงด้านการขนส่งทางอากาศกับกาตาร์ตั้งแต่วันอังคาร (6 มิ.ย.) เป็นต้นไป หลังจากไคโรและชาติอาหรับอื่นๆ ตัดความสัมพันธ์โดฮา หลังกล่าวหากาตาร์สนับสนุนลัทธิสุดโต่ง
กระทรวงการบินพลเรือนของอียิปต์เผยว่าการตัดสินใจระงับเที่ยวบินทุกเที่ยวระหว่างอียิปต์กับกาตาร์จะมีผลตั้งแต่ 04.00 จีเอ็มที (ตรงกับเมืองไทย 11.00 น.ของวันอังคาร) ไปจนกว่าจะมีการแจ้งให้ทราบเพิ่มเติม
ถ้อยแถลงที่เผยแพร่ในวันจันทร์ (5 มิ.ย.) ระบุต่อว่า ในขณะเดียวกันเครื่องบินของกาตาร์จะไม่สามารถข้ามเข้ามาในน่านฟ้าของอียิปต์หรือลงจอดในดินแดนของพวกเขา
บาห์เรน, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, เยเมน และมัลดีฟส์ ในวันจันทร์ (5 มิ.ย.) เข้าร่วมกับซาอุดีอาระเบียและอียิปต์ ในการตัดสัมพันธ์กับกาตาร์ ขณะที่สายการบิน 6 แห่งจากยูเออีและซาอุดีอาระเบียระงับเที่ยวบินทั้งขาออกและขาเข้าจากกาตาร์แล้ว
อียิปต์แอร์ตัดสินใจดำเนินการแบบเดียวกัน โดยระบุในถ้อยแถลงว่า “จะระงับเที่ยวบินที่เชื่องระหว่างไคโรและโดฮา เริ่มตั้งแต่วันอังคาร จนกว่าจะมีการแจ้งให้ทราบเพิ่มเติม”
ก่อนหน้านี้ธนาคารบางแห่งของอียิปต์ได้ระงับการทำธุรกรรมต่างๆ กับเหล่าธนาคารของกาตาร์ในวันจันทร์ (5 มิ.ย.) หลังไคโรประกาศตัดสัมพันธ์กับโดฮา แม้ว่าทางธนาคารกลางของอียิปต์จะเรียกร้องให้ธนาคารต่างยังคงทำธุรกรรมต่างๆ ผ่านเงินสกุลริยาลก็ตาม
คำประกาศตัดความสัมพันธ์กับกาตาร์ของรัฐริมอ่าวเปอร์เซียและบริเวณรอบๆ บังเกิดขึ้นในเวลาไม่เพียง 1 เดือนหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เดินทางไปยือนซาอุดีอาระเบีย และเรียกร้องให้บรรดาประเทศมุสลิมจัดตั้งแนวร่วมเพื่อต่อสู้คัดค้านลัทธิสุดโต่ง
ขณะเดียวกัน มันยังบังเกิดขึ้นภายหลังช่วงเวลาหลายสัปดาห์ของความตึงเครียดซึ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างกรุงโดฮากับเหล่าชาติเพื่อนบ้าน ซึ่งก็รวมถึงการที่กาตาร์กล่าวหาว่ามีการประสานงานรณรงค์ทางสื่อเพื่อเล่นงานตน ตลอดจนมีการแฮกสำนักข่าวกาตาร์ของตน
บรรดารัฐริมอ่าวเปอร์เซียและอียิปต์ต่างออกคำแถลงระบุว่า กำลังตัดความสัมพันธ์ทางการทูตและปิดการติดต่อเชื่อมโยงด้านการคมนาคมขนส่งกับกาตาร์ ซึ่งเป็นประเทศที่ต้องพึ่งพาอาศัยสินค้าส่งออกต่างๆ จากชาติเพื่อนบ้านของตน
พวกรัฐริมอ่าวเปอร์เซียยังสั่งห้ามพลเมืองของตนไม่ได้เดินทางไปยังกาตาร์ และออกคำสั่งให้พลเมืองกาตาร์ออกจากประเทศของพวกตนไปภายในเวลา 14 วัน
ซาอุดีอาระเบียยังประกาศปิดชายแดนที่ติดต่อกับกาตาร์ ซึ่งส่งผลเป็นการปิดกั้นอาหารและสินค้าอื่นๆ ที่ส่งออกจากทางบกไปสู่กาตาร์
ซาอุดีอาระเบียระบุในคำแถลงว่า ที่ต้องดำเนินมาตรการต่างๆ เหล่านี้ เป็นผลมาจาก “การล่วงละเมิดอย่างเลวร้ายที่กระทำโดยทางการผู้มีอำนาจในกาตาร์” และกล่าวหาโดฮาว่า ให้ที่ซ่อนเร้นหลบภัยแก่ “พวกผู้ก่อการร้ายและกลุ่มมุ่งสร้างความแบ่งแยกต่างๆ ซึ่งมีจุดมุ่งหมายในการสั่นคลอนเสถียรภาพของภูมิภาคแถบนี้ โดยกลุ่มเหล่านี้มี เช่น กลุ่มภราดรภาพมุสลิม (Muslim Brotherhood), ดาเอช (ชื่อย่อในภาษาอาหรับของกลุ่มไอเอส) และอัลกออิดะห์
ริยาดยังกล่าวหาโดฮาว่าให้ความสนับสนุน “กิจกรรมของผู้ก่อการร้าย” ที่หนุนหลังโดยอิหร่าน ทั้งในบริเวณเขตกอติฟ ชองซาอุดีอาระเบียซึ่งประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมนิกายชีอะห์ ตลอดจนในบาห์เรน ซึ่งทั้ง 2 บริเวณนี้ต่างก็เกิดความไม่สงบของชาวชิอะห์ในระยะไม่กี่ปีหลังๆ มานี้
ด้านกลุ่มพันธมิตรซาอุฯ ที่ทำสงครามกวาดล้างกบฏนิกายชีอะห์ในเยเมนมานานกว่า 2 ปี ก็ออกมากล่าวหากาตาร์ว่า “สนับสนุนองค์กรก่อการร้ายในเยเมน” และไม่นับว่าโดฮาเป็นพันธมิตรอีกต่อไป