เอเอฟพี/รอยเตอร์ - ตำรวจตุรกีในวันอาทิตย์ (1 ม.ค.) เดินหน้าไล่ล่ามือปืนบุกเดี่ยวสังหารหมู่ 39 ศพ ในนั้นจำนวนมากเป็นชาวต่างชาติ ที่ไนต์คลับหรูแห่งหนึ่งในอิสตันบูล ระหว่างเหล่าเหล่านักเที่ยวกำลังเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่
บินาลี ยิลดิริม นายกรัฐมนตรีตุรกีเผยว่า เจ้าหน้าที่เริ่มพบหลักฐานต่างๆ เกี่ยวข้องมือปืนผู้ก่อเหตุ แต่ยังไม่ชัดเจนว่าใครอยู่เบื้องหลังการโจมตีครั้งนี้ “รายละเอียดบางอย่างเริ่มปรากฏออกมาแล้ว แต่เจ้าหน้าที่กำลังทำงานมุ่งสู่ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม” ยิลดิริมบอกกับผู้สื่อข่าว “ตำรวจและเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงจะแบ่งปันข้อมูลที่ได้มาระหว่างการสืบสวน”
ประธานาธิบดีเรเจป ตัยยิบ แอร์โดอัน บอกว่ามือสังการต้องการแพร่กระจายความยุ่งเหยิงและกัดเซาะสันติภาพ แต่ประกาศว่าตุรกีจะไม่ก้มหัวให้กับภัยคุกคามใดๆ
เหตุกราดยิงที่ไนต์คลับไรนา สถานบันเทิงริมน้ำ เกิดขึ้นหลังเข้าสู่ปี 2017 ได้เพียงราวๆ 75 นาที ขณะที่ปี 2016 ที่เพิ่งผ่านไป กลายเป็นปีแห่งการนองเลือดอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในตุรกี ที่ได้เห็นผู้คนหลายร้อยรายต้องมาจบชีวิตลงในเหตุโจมตีหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งกล่าวโทษว่าเป็นฝีมือของพวกญิฮาดและนักรบเคิร์ด เช่นเดียวกับความพยายามก่อรัฐประหารแต่ล้มเหลว
คนร้ายยิงตำรวจนายหนึ่งและพลเรือนอีกคนบริเวณทางเข้าไนต์คลับ จากนั้นก็หันปากกระบอกปืนสาดกระสุนเข้าใส่เหล่านักท่องเที่ยวที่กำลังเฉลิมฉลองปีใหม่อยู่ภายใน ซึ่งมีอยู่ราวๆ 700 คน ทั้งนี้มีรายงานว่านักเที่ยวจำนวนมาก ตัดสินใจกระโดดลงสายน้ำบริเวณช่องแคบบอสฟอรัส เพื่อเอาชีวิตรอดด้วยความตื่นตระหนก
ก่อนหน้านี้ ยิลดิริมเผยว่ามือปืนยังคงหลบหนีอยู่ โดยเล็ดลอดการสังเกตหลังการลงมือ อย่างไรก็ตาม เขาปฏิเสธรายงานข่าวก่อนหน้านี้ว่าบุคคลรายดังกล่าวอำพรางตัวด้วยการแต่งกายเป็นซานตาคลอสระหว่างปฏิบัติการ
“คนร้ายทิ้งปืนและหลบหนีไปจากจุดเกิดเหตุ” เขาบอกกับผู้สื่อข่าว “เขาเป็นก่อการร้ายติดอาวุธ” อย่างไรก็ตาม ยิลดิริมเผยว่ายังไม่มีกลุ่มใดออกมาอ้างความรับผิดชอบต่อเหตุโจมตีนองเลือดครั้งนี้
สุเลย์มาน ซอยลู รัฐมนตรีมหาดไทยตุรกี เผยว่ามือปืนซุกปืนใต้เสื้อคลุมกันหนาวก่อนลงมือ และจากนั้นก็เปลี่ยนเสื้อผ้าระหว่างการหลบหนี ขณะที่จนถึงตอนนี้ระบุเอกลักษณ์บุคคลเหยื่อได้แล้ว 20 ศพ ในนั้น 15 คนเป็นชาวต่างชาติและ 5 คนเป็นชาวตุรกี ส่วนอีก 65 คนกำลังรักษาอาการบาดเจ็บอยู่ในโรงพยาบาล
ในบรรดาผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บนั้น จำนวนมากเป็นชาวอาหรับ ทั้งซาอุดีอาระเบีย จอร์แดน และตูนิเซีย
หนังสือพิมพ์ซาอุดีอาระเบียฉบับหนึ่งรายงานว่า มีพลเมืองซาอุฯ อย่างน้อย 5 คนเสียชีวิตในเหตุสังหารหมู่ดังกล่าว ส่วนเลบานอนและอินเดียบอกว่ามีคนของประเทศพวกเขาเสียชีวิตชาติละ 2 คน ขณะที่ฝรั่งเศสระบุว่าผู้หญิงสองสัญชาติ ตูนิเซีย และฝรั่งเศส จบชีวิตในเหตุการณ์นี้พร้อมกับสามีชาวตูนิเซียของเธอ