เอเอฟพี - ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ เชื่อว่าตนจะได้เป็นผู้นำสหรัฐฯ สมัยที่ 3 หากลงสมัครรับเลือกตั้งเมื่อเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา และมั่นใจว่าชาวอเมริกันส่วนใหญ่ยังเห็นด้วยกับวิสัยทัศน์ของตน แม้ โดนัลด์ ทรัมป์ จะได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีคนต่อไปแล้วก็ตาม
บทสัมภาษณ์ของโอบามาถูกเผยแพร่ในรูปแบบคลิปเสียงของรายการ “The Axe Files” ซึ่งผลิตโดยสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น ร่วมกับมหาวิทยาลัยชิคาโก
โอบามา ซึ่งจะหมดวาระการเป็นประธานาธิบดีเทอมสองในอีก 3 สัปดาห์ เชื่อว่าประชาชนชาวอเมริกันยังสนับสนุนวิสัยทัศน์ที่ก้าวหน้าของตน แม้พวกเขาจะโหวตเลือกทรัมป์ไปแล้วก็ตาม
“ผมเชื่อมั่นในวิสัยทัศน์ของผม และผมมั่นใจเหลือเกินว่าหากผมสามารถลงสมัครรับเลือกตั้งและประกาศวิสัยทัศน์เช่นนี้ในการหาเสียง ผมอาจระดมมวลชนส่วนใหญ่ให้สนับสนุนผมได้” โอบามาบอกกับพิธีกร เดวิด เอเซลรอด ซึ่งเป็นอดีตที่ปรึกษาอาวุโสของเขาเอง
อย่างไรก็ดี มหาเศรษฐี โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเป็นว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ได้ใช้ช่องทางที่ฮิตกว่าอย่าง “ทวิตเตอร์” ออกมาตอบโต้ทันควัน
“ประธานาธิบดีโอบามาพูดว่าถ้าเป็นเขาคงจะเอาชนะผมได้ เขาจะพูดก็พูดไป แต่ผมขอบอกว่า ไม่มีทาง! ตำแหน่งงานหดหาย ไอเอส โอบามาแคร์ ฯลฯ” ทรัมป์ทวีตข้อความ โดยอ้างถึงปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับสหรัฐฯ ภายใต้การกุมบังเหียนของโอบามา
ฮิลลารี คลินตัน กลายเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ให้กับทรัมป์ชนิดหักปากกาเซียนทุกสำนัก ซึ่งโอบามาก็ได้แสดงความคิดเห็นในเชิงปรัชญา และมีท่าทีเสียใจเล็กน้อย ระหว่างที่เอ่ยถึงความล้มเหลวของพรรคเดโมแครต
“การพ่ายแพ้ไม่ใช่เรื่องสนุก” โอบามาบอกกับเอเซลรอด ซึ่งเป็นนักยุทธศาสตร์การเมืองที่เคยช่วยให้เขาชนะเลือกตั้งเมื่อปี 2008 และได้ตามเข้าไปทำงานในทำเนียบขาวด้วย
“ผมภูมิใจที่ผมได้ทำในสิ่งที่คิดว่าถูกต้อง มากกว่าการเรียกคะแนนนิยม... ผมบอกทุกคนเสมอว่าอย่าประเมินความอับอายที่เกิดจากความพ่ายแพ้ทางการเมืองไว้ต่ำเกินไป” โอบามากล่าว
“ความรู้สึกว่าตนเองถูกปฏิเสธจากสังคม มันแตกต่างจากสิ่งที่พวกเราส่วนมากอาจจะเคยสัมผัสมาแล้วในวัยผู้ใหญ่”
โอบามาระบุด้วยว่า เขาภาคภูมิใจในความก้าวหน้าที่เกิดขึ้นในช่วง 8 ปีที่ดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ พร้อมยกความดีความชอบให้แก่ “สปิริตของอเมริกา” ซึ่งมีอยู่เด่นชัด โดยเฉพาะในคนรุ่นหนุ่มสาว
“สปิริตของอเมริกายังคงปรากฏอยู่ในหลายแง่มุม และแสดงออกในชุมชนทั่วประเทศ... เราได้เห็นมันในคนหนุ่มสาวที่มีความฉลาดเฉลียวมากขึ้น อดทนมากขึ้น มีความคิดริเริ่มมากขึ้น สร้างสรรค์มากขึ้น และมีหัวการค้ามากขึ้น พวกเขาไม่คิดแบ่งแยกกีดกันใครเพียงเพราะรสนิยมทางเพศ... อย่างนี้เป็นต้น”
“ทั้งหมดที่ผมอธิบายมานี้ คุณได้เห็นมันในสังคมของเรา โดยเฉพาะในกลุ่มคนอายุ 20-30 ปีเศษๆ”
แม้การก้าวสู่อำนาจของทรัมป์อาจจะทำให้สหรัฐฯ เอนเอียงไปในทางขวาจัด แต่โอบามายืนยันว่าตลอดระยะเวลาที่เขาเป็นประธานาธิบดี “วัฒนธรรมได้เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ”
“คนส่วนใหญ่ต้องการเห็นอเมริกาที่เป็นหนึ่งเดียว มีความอดทน หลากหลาย เปิดกว้าง กระตือรือร้น และมีพลวัต”
“แต่ปัญหาก็คือ สิ่งเหล่านี้มักจะไม่ปรากฏในการเมืองของเรา”
