ศูนย์ข่าวศรีราชา - กรรมการปกครองและรักษาความสงบเรียบร้อย จี้รื้อระบบกล้อง CCTV พัทยาใช้งบนับพันล้าน ติดตั้งกล้องกว่า 2,000 จุด แต่ใช้ยังงานไม่สมประโยชน์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะกรรมการปกครองและรักษาความสงบเรียบร้อย ครั้งที่ 1/2559 ที่ศาลาว่าการเมืองพัทยา จ.ชลบุรี วันนี้ (9 ธ.ค.) โดยมี พล.ต.ต.อนันต์ เจริญชาศรี รองประธานสภาเมืองพัทยา ได้เปิดประเด็นซักถามข้อสงสัยเกี่ยวกับระบบบริหารจัดการ และประสิทธิภาพเกี่ยวกับระบบโทรทัศน์วงจรปิด หรือ CCTV ของเมืองพัทยา
ด้วยเป็นที่สังเกตว่า โครงการดังกล่าวซึ่งมีการจัดสรรงบประมาณเป็นจำนวนเงินนับพันล้านบาทในตลอดระยะเวลา 10 กว่าปีที่ผ่านมานั้น พบว่า แนวทางการปฏิบัติของศูนย์ควบคุมระบบ และการใช้งานยังไม่สมประโยชน์มากนัก เนื่องจากไม่สามารถตอบโจทย์ของนโยบายด้านความมั่นคง ความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน และการจราจรอย่างมีประสิทธิภาพมากนัก
พล.ต.ต.อนันต์ กล่าวว่า จากการรับฟังข้อมูลทราบว่าตลอดระยะเวลากว่า 12 ปีที่ผ่านมา เมืองพัทยา ผ่านงบประมาณสนับสนุนการติดตั้งระบบกล้องวงจรปิด หรือ CCTV ทั่วเขตเมืองพัทยาไปแล้วกว่า 2,000 จุด มูลค่าการลงทุนนับ 1,000 ล้านบาท พร้อมการจัดทำห้อง Control Room เพื่อให้ในการสอดส่องและควบคุม โดยมีการตั้งงบประมาณว่าจ้างบริษัทเอกชนภายนอกมาดูแลถึง 2 แห่ง แยกเป็นระบบภายใน และการซ่อมบำรุงภายนอก
โครงการเหล่านี้ก็ถือว่ามีประโยชน์อย่างมากต่อพื้นที่เมืองพัทยา และตรงต่อนโยบายของภาครัฐที่ต้องการให้มีการติดตั้งเพื่อใช้เป็นส่วนสำคัญในกิจกรรมด้านความมั่นคงของชาติ การป้องกันปัญหาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน รวมทั้งการแก้ไขปัญหาการจราจรในเมืองหลัก
แต่ปรากฏว่าในพื้นที่เมืองพัทยา ระบบของกล้องวงจรปิดที่ใช้งบประมาณจำนวนมหาศาลลงไปนั้น กลับไม่มีการใช้งานอย่างสมประโยชน์ โดยเฉพาะในส่วนของเจ้าหน้าที่ประจำโครงการจากภายนอกที่รัฐต้องตั้งงบประมาณว่าจ้างในแต่ละปีเพื่อให้เข้ามาบริหารจัดการ ก็มีหน้าที่แค่มานั่งเฝ้ามองกล้องผ่านระบบจอ และตรวจเช็กว่าส่วนไหนชำรุด หรือมีปัญหาเท่านั้น
ขณะที่การนำโครงการมาใช้ประโยชน์ตามวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดผลในการป้องกันและแก้ไขปัญหาต่างๆ ในพื้นที่กลับไม่เกิดขึ้น
โดยเฉพาะการประสานงานเพื่อที่จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามามีส่วนในการเฝ้าระวัง และสั่งการในการป้องกันปัญหาอาชญากรรม หรือการจราจรเหมือนในพื้นที่ของ กทม. หรือแม้กระทั่งหน่วยงานของรัฐอื่นๆ ที่จะมาขอตรวจสอบภาพรายละเอียดย้อนหลัง ก็ยังมีข้อจำกัดที่ต้องจัดทำบันทึกหรือ หนังสือร้องขออย่างเป็นทางการ ซึ่งถือว่าเป็นการเพิ่มความยุ่งยากในการปฏิบัติ และการทำงานให้มีความล่าช้าไม่ทันต่อปัญหา หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
พล.ต.ต.อนันต์ กล่าวว่า สำหรับโครงการโทรทัศน์วงจรปิด หรือ CCTV คงจะต้องมีการสังคายนาและปรับปรุงระบบกันใหม่ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพอย่างสูงสุด และใช้งานเพื่อให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่แก่บ้านเมือง โดยจะมีการเรียกประชุมเชิญฝ่ายบริหาร และหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง ได้แก่ สำนักยุทธศาสตร์ ฝ่ายเทคโนโลยีและสารสนเทศ รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดกรอบ และทิศทางที่จะก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในเร็ววันนี้