รอยเตอร์ - ผลการสอบสวนภายในขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ซึ่งเผยแพร่เมื่อวานนี้ (21 ธ.ค.) ยืนยันว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับขบวนรถบรรเทาทุกข์ในซีเรียเมื่อเดือน ก.ย. เกิดจากการ “โจมตีทางอากาศ” อย่างแน่นอน แต่ยังสรุปไม่ได้ว่าใครเป็นผู้ลงมือ และเป็นความจงใจหรือไม่
ขบวนรถบรรทุกอาหารและอุปกรณ์การแพทย์ 17 คันของยูเอ็นและสภาเสี้ยวเดือนแดงแห่งอาหรับซีเรีย (Syrian Arab Red Crescent : SARC) ถูกโจมตีเมื่อวันที่ 19 ก.ย. ที่เขต อูเร็ม อัล-คูบรา ใกล้ๆ กับเมืองอะเลปโป จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 10 ราย บาดเจ็บอีก 22 คน
“คณะผู้ตรวจสอบพบว่า แม้เหตุการณ์นี้จะเป็นผลมาจากการโจมตีทางอากาศอย่างแน่นอน แต่ยังไม่อาจระบุตัวผู้กระทำ หรือกลุ่มบุคคลที่กระทำ” รายงานสรุปจากเลขาธิการสหประชาชาติ บัน คีมูน ซึ่งถูกส่งให้แก่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเมื่อวันพุธ (21) ระบุ
คณะผู้ตรวจสอบชี้ว่า มีเพียงซีเรีย รัสเซีย และกลุ่มพันธมิตรสหรัฐฯ เท่านั้นที่มีศักยภาพพอจะโจมตีในลักษณะนี้ ทว่ามีโอกาสเป็นไปได้ “น้อยมาก” ที่เครื่องบินรบของฝ่ายสหรัฐฯ จะมีส่วนพัวพันด้วย
ผลการสอบสวนพบว่า ขบวนรถบรรเทาทุกข์ถูกถล่มด้วย “กระสุนหลายชนิดที่ถูกยิงลงมาจากอากาศยานมากกว่า 1 ลำ และมากกว่า 1 ประเภท”
“คณะผู้ตรวจสอบไม่มีหลักฐานพอที่จะสรุปได้ว่า เหตุการณ์นี้เป็นการจงใจโจมตีเป้าหมายด้านมนุษยธรรมหรือไม่” รายงานสรุปของ บัน ระบุ
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เชื่อว่าเครื่องบินขับไล่รัสเซียคือต้นเหตุของโศกนาฏกรรมดังกล่าว ทว่ามอสโกปฏิเสธเสียงแข็ง
กระทรวงกลาโหมรัสเซียยังอ้างว่า ขณะเกิดเหตุมีอากาศยานไร้คนขับของสหรัฐฯ ป้วนเปี้ยนอยู่ในบริเวณดังกล่าวด้วย ส่วนกองทัพรัฐบาลซีเรียก็ยืนยันว่าไม่รู้ไม่เห็น
ผู้เชี่ยวชาญที่ทำงานกับโครงการแอพพลิเคชั่นระบบปฏิบัติการดาวเทียม UNOSAT ซึ่งจะตรวจสอบเฉพาะภาพถ่ายดาวเทียมเชิงพาณิชย์เท่านั้น ได้ออกมาเผยเมื่อเดือน ต.ค. ว่าผลวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมยืนยันได้ว่า ขบวนรถบรรเทาทุกข์ยูเอ็นถูกโจมตีทางอากาศจริงๆ