เอเอฟพี - หลังจากติดตามค้นหากันมานานเกือบ 3 ปีเต็ม เจ้าหน้าที่ได้ออกมาแสดงความมั่นใจวันนี้ (20 ธ.ค.) ว่าเที่ยวบิน MH370 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส ไม่น่าจะตกบริเวณพื้นที่ค้นหาในมหาสมุทรอินเดียตอนใต้ แต่อาจอยู่ไกลออกไปทางด้านทิศเหนือ
ปฏิบัติการค้นหาใต้น้ำนอกชายฝั่งตะวันตกของออสเตรเลียยังไม่พบร่องรอยของเครื่องบินโบอิ้ง 777 ซึ่งสูญหายไปจากจอเรดาร์ขณะนำผู้โดยสารและลูกเรือ 239 ชีวิตเดินทางออกจากกรุงกัวลาลัมเปอร์มุ่งหน้าไปยังปักกิ่ง เมื่อกลางดึกของวันที่ 8 มี.ค.ปี 2014
อย่างไรก็ดี มีการพบเศษชิ้นส่วนมากกว่า 20 ชิ้นบนชายฝั่งมหาสมุทรอินเดียด้านตะวันตก ซึ่งผู้เชี่ยวชาญคาดเดาหรือสามารถยืนยันได้แล้วว่ามาจากเที่ยวบินมรณะดังกล่าว
ขณะที่ปฏิบัติการค้นหาซึ่งกินพื้นที่ถึง 120,000 ตารางกิโลเมตรกำลังจะสิ้นสุดลง ผู้เชี่ยวชาญจากออสเตรเลียและนานาชาติ รวมถึงผู้แทนของโบอิ้งและบริษัทดาวเทียมอินมาร์แซ็ต ก็ได้นัดประชุมที่กรุงแคนเบอร์ราเมื่อเดือนที่แล้ว เพื่อทบทวนหลักฐานและข้อมูลทั้งหมดที่รวบรวมมาได้
สำนักงานความปลอดภัยขนส่งออสเตรเลีย (ATSB) ซึ่งเป็นผู้นำในการค้นหา ได้เผยรายงานที่อ้างข้อสรุปของที่ประชุมว่า ซากเครื่องบินลำนี้ไม่ได้จมอยู่ใต้ทะเลในบริเวณที่ค้นหาอยู่
“เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่มีความมั่นใจมากว่า พื้นที่ที่เรากำหนดและได้ค้นหามาจนถึงขณะนี้ไม่น่าจะใช่จุดตกของเครื่องบิน”
แต่เดิมนั้น ผู้เชี่ยวชาญได้กำหนดพื้นที่ค้นหาโดยอิงผลวิเคราะห์ข้อมูลดาวเทียมเกี่ยวกับเส้นทางที่เครื่องบินอาจจะมุ่งหน้าไปหลังถูกบังคับออกนอกเส้นทาง รวมไปถึงข้อมูลด้านกลศาสตร์การบินและอุตุนิยมวิทยา
ข้อมูลเหล่านี้บ่งชี้ว่า ตำแหน่งสุดท้ายของ MH370 อยู่ในบริเวณเส้นโค้งที่ลากขึ้นเหนือผ่านเอเชียกลาง หรือไม่ก็ลงใต้มายังมหาสมุทรอินเดีย แต่ผู้เชี่ยวชาญลงความเห็นตั้งแต่แรกว่า เส้นทางที่มุ่งขึ้นเหนือมีโอกาสเป็นไปได้น้อย เพราะหากเครื่องบินมุ่งหน้าไปทางนั้นก็คงจะถูกตรวจพบแน่นอน
รายงานของ ATSB ระบุว่า ข้อมูลดาวเทียมและแบบจำลองการไหลของกระแสน้ำฉบับล่าสุด “ให้หลักฐานชัดเจนว่า เครื่องบินลำนี้น่าจะตกค่อนไปทางเหนือของพื้นที่ค้นหาในปัจจุบัน”
รายงานยังกล่าวถึงพื้นที่ 25,000 ตารางกิโลเมตร “ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่สุดที่จะพบซากเครื่องบิน”
“คณะผู้เชี่ยวชาญสรุปว่า หากดำเนินการค้นหาในจุดนี้แล้ว พื้นที่ซึ่งเราคาดว่าจะเป็นจุดตกของเครื่องบินตามผลการวิเคราะห์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ก็จะไม่มีเหลืออีก”
ภารกิจติดตาม MH370 ในพื้นที่ค้นหาเดิมยังคงดำเนินต่อไป โดยใช้เรือลำสุดท้ายคือ “ฟูโกร อีเควเตอร์” ซึ่งเดินทางออกจากออสเตรเลียมุ่งหน้าไปสู่มหาสมุทรอินเดียตอนใต้ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว
เรือลำนี้จะทำการตรวจสอบพื้นที่เล็กๆ ประมาณ 200 จุด ซึ่งมีความลึกเกินกว่าจะค้นหาได้ในครั้งก่อนๆ หรือไม่ก็ยังตรวจสอบไม่ถี่ถ้วนเนื่องจากสัญญาณโซนาร์ไม่ชัดเจน ก่อนจะเดินทางกลับสู่ฝั่งในเดือน ม.ค. ปีหน้า
ออสเตรเลีย มาเลเซีย และจีนซึ่งสูญเสียพลเมืองไปกับโศกนาฏกรรมทางการบินครั้งนี้มากที่สุด ต่างเห็นพ้องให้ยุติการค้นหาหากไม่พบซาก MH370 ในพื้นที่ที่กำหนดไว้ เว้นเสียแต่จะมี “ข้อมูลใหม่ที่น่าเชื่อถือ” ปรากฏออกมา
ATSB ระบุว่า ตามหลักเกณฑ์สากลฝ่ายที่ต้องตัดสินใจว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปก็คือ มาเลเซีย
ครอบครัวผู้โดยสารต่างร้องเรียนว่าที่ผ่านมายังไม่มีการประสานงานค้นหาอย่างจริงจังในมหาสมุทรอินเดียฝั่งตะวันตก รวมถึงชายฝั่งทวีปแอฟริกา
เมื่อไม่นานนี้ ญาติผู้โดยสารกลุ่มหนึ่งได้เดินทางไปยังมาดากัสการ์ และออกเดินค้นหาหลักฐานตามชายหาด หลังมีการพบเศษชิ้นส่วนเครื่องบินจำนวนมากบนชายฝั่งแอฟริกาตะวันออกที่ผู้เชี่ยวชาญมั่นใจเกือบ 100% ว่ามาจาก MH370
เนื่องจากชะตากรรมของเที่ยวบินนี้ยังคงเป็นปริศนา จึงมีการเสนอทฤษฎีกันไปต่างๆ นานา ไม่ว่าจะเป็นการจี้เครื่องบิน แผนก่อการร้าย หรือนักบินตั้งใจบังคับเครื่องให้ดิ่งลงมหาสมุทรเอง
ATSB แถลงเมื่อต้นเดือน พ.ย. ว่า ผลการวิเคราะห์สัญญาณสื่อสารดาวเทียมครั้งสุดท้ายจาก MH370 บ่งชี้ว่าเครื่องบินอาจสูญเสียการควบคุม และร่วงลงสู่ทะเลอย่างกะทันหันโดยที่ส่วนชายปีกซึ่งใช้สำหรับเพิ่มแรงยก (wing flaps) ยังไม่ได้กาง