เอเอฟพี/รอยเตอร์ - มือปืนคนหนึ่งจ่อยิงแก้แค้นเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำตุรกี เสียชีวิตในวันจันทร์ (19 ธ.ค.) ระหว่างที่เขากำลังเยี่ยมชมนิทรรศการศิลปะในกรุงอังการา ขณะที่ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า คนร้ายตะโกน “จงอย่าลืม อะเลปโป” ก่อนลั่นไก
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ยืนยันการเสียชีวิตของเอกอัครราชทูต อังเดร คาร์ลอฟ ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ร้ายแรงที่สุดของความขัดแย้งซีเรียที่ลุกลามเข้าสู่ตุรกี
“วันนี้ในอังการา ผลจากการโจมตีเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำตุรกี เขาเสียชีวิต เพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว” มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย กล่าว “เราเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำก่อการร้าย”
รัสเซียเป็นหนึ่งในพันธมิตรที่ใกล้ชิดกับประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด และปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของพวกเขามีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือกองกำลังรัฐบาลซีเรีย สยบการขัดขืนของพวกกบฏในทางเหนือของเมืองอะเลปโปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างมอสโก กับอังการา เต็มไปด้วยปัญหามาช้านาน อันเนื่องจากความขัดแย้งดังกล่าว เพราะสองชาติให้การสนับสนุนคนละฟากฝั่งสงคราม
สำนักข่าวอนาโดลู รายงานว่า มือปืนถูกวิสามัญไม่นานหลังจากก่อเหตุ ขณะที่ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่าคนร้ายแต่งตัวดูดีในชุดสูทสีดำผูกเนกไท และยืนอยู่ข้างหลังเอกอัครราชทูต ระหว่างที่เขากำลังกล่าวสุนทรพจน์ที่นิทรรศการศิลปะ “เขาชักปืนออกมา และยิงเอกอัครราชทูตจากด้านหลัง เราเห็นเขานอนรวยรินอยู่บนพื้น จากนั้นเราก็วิ่งออกไป”
ช่างภาพของรอยเตอร์ ซึ่งอยู่ ณ จุดเกิดเหตุ เล่าว่า ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นอีกหลายนัด หลังจากการโจมตี ขณะที่ในวิดีโอหนึ่งเป็นภาพมือปืนตะโกนคำว่า “อย่าลืมอะเลปโป อย่าลืมซีเรีย!”
ส่วนเอเอฟพีรายงานโดยอ้างคำสัมภาษณ์ของนายกเทศมนตรีอังการา ระบุว่า มือปืนเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบตุรกี และก่อนลงมือตะโกนใส่เอกอัครราชทูตรัสเซีย ว่า “อะเลปโป” และ “แก้แค้น”
ท่ามกลางเสียงตะโกนกรีดร้อง พบเห็นมือปืนเดินไปเดินมาและลั่นไกอีกหลายนัด มือหนึ่งถือปืนและอีกข้างชูขึ้น
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งประสานงานทางการทูตกับรัสเซีย ในความพยายามคลี่คลายวิกฤตผู้อพยพที่เกิดขึ้นรอบๆ เมืองอะเลปโป รุดแถลงประณามเหตุฆ่าเอกอัครราชทูตในทันที
ความตึงเครียดลุกลามขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่กองกำลังซีเรียที่ได้รับการสนับสนุนจากรัสเซียพยายามรุกคืบเข้าควบคุมพื้นที่ทางตะวันออกของอะเลปโป ซึ่งกระพือการไหลบ่าของผู้อพยพ
ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าใครเป็นผู้ลงมือโจมตี แม้นักรบรัฐอิสลาม (ไอเอส) ได้เคลื่อนไหวในตุรกีและดำเนินการโจมตีด้วยระเบิดหลายต่อหลายครั้งเมื่อปีที่แล้ว
เหตุการณ์นี้ยังเกิดขึ้นไม่กี่วัน หลังมีการประท้วงในตุรกี เพื่อต่อต้านบทบาทของรัสเซียในซีเรีย แม้ว่าปัจจุบันมอสโก และอังการา หันมาทำงานกันใกล้ชิด เพื่ออพยพพลเรือนออกจากอะเลปโป ที่เสียหายย่อยยับจากสงคราม