รอยเตอร์ – จีนเตรียมส่งโดรนใต้น้ำที่ยึดได้จากทะเลจีนใต้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วคืนให้อเมริกา ชี้ฝ่ายวอชิงตันโวยวายเกินเหตุ ด้านว่าที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ระบุทางทวิตเตอร์ กล่าวหาปักกิ่งขโมยโดรน
โดรนดังกล่าวที่เรียกว่า ยานใต้น้ำไร้คนขับ (unmanned underwater vehicle หรือ UUV) ถูกจีนยึดได้เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (15) ถือเป็นครั้งแรกที่ยานประเภทนี้ถูกยึด โดยทางกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้ป่าวประกาศเรื่องนี้ทันที ก่อนที่จะมาแถลงเมื่อวันเสาร์ (17) ระบุตกลงกับจีนเรียบร้อยแล้วว่าจะมีการส่งคืนให้
เพนตากอนอ้างว่า UUV ปฏิบัติภารกิจถูกต้องตามกฎหมาย ทำการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับความเค็ม อุณหภูมิ และความใสของน้ำบริเวณห่างจากอ่าวซูบิก ทางตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 50 ไมล์ทะเล นอกชายฝั่งฟิลิปปินส์ ขณะที่เรือสำรวจ USNS Bowditch ของสหรัฐฯ กำลังจะกู้กลับ
ด้านกระทรวงกลาโหมจีนแถลงว่า เรือรบจีนพบ “อุปกรณ์ที่ไม่สามารถระบุได้” จึงทำการตรวจสอบเพื่อปกป้องความปลอดภัยในการเดินเรือก่อนที่จะพบว่า เป็นโดรนของอเมริกา
“จีนตั้งใจคืนให้อเมริกาด้วยวิธีการที่เหมาะสม จีนและอเมริกาหารือกันเรื่องนี้ตลอด ทว่า ระหว่างขั้นตอนดังกล่าว อเมริกากลับขยายความเกินเหตุและตามอำเภอใจอย่างไม่เหมาะสม ซึ่งไม่เป็นประโยชน์ต่อการแก้ไขปัญหานี้อย่างราบรื่น และเราเสียใจกับการกระทำดังกล่าวของอเมริกา” กระทรวงกลาโหมจีน ระบุ
ทางด้าน โดนัลด์ ทรัมป์ สมาชิกพรรครีพับลิกันที่กำลังจะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 20 เดือนหน้า กระโจนร่วมวงความขัดแย้งด้วยการเขียนข้อความทางทวิตเตอร์เมื่อเช้าวันเสาร์ว่า จีนขโมยโดรนเพื่อการวิจัยของกองทัพเรืออเมริกันไปจากน่านน้ำสากลอย่างไม่เหมาะสม แถมหลังจากจีนบอกว่าจะส่งโดรนคืน เจสัน มิลเลอร์ โฆษกทรัมป์ ยังทวิตอวดอ้างว่าเป็นผลงานของทรัมป์
อย่างไรก็ตาม ไม่มีหลักฐานว่า ทรัมป์มีบทบาทในการเจรจาระหว่างทั้งสองฝ่าย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่อเมริกันเผยว่า การเจรจาเกิดขึ้นในปักกิ่งระหว่างช่วงกลางคืนในวอชิงตัน และมิลเลอร์ไม่ยอมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้
กระนั้น ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ทรัมป์ทวิตครั้งที่สองว่า “เราน่าจะบอกจีนว่า เราไม่อยากได้โดรนที่ถูกขโมยไปคืนแล้ว เก็บไว้เถอะ!”
ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ขู่จะประกาศว่า จีนเป็นประเทศที่ปั่นค่าเงิน รวมทั้งบีบให้อเมริกาเปลี่ยนนโยบายการค้าต่อจีนที่เขาระบุว่า ขโมยงานไปจากอเมริกามากที่สุดในประวัติศาสตร์
ว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ ยังตั้งคำถามว่าเหตุใดวอชิงตันจะต้องยึดมั่นนโยบายที่ใช้มาร่วม 4 ทศวรรษที่ยอมรับไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของ “จีนเดียว”
ทั้งนี้ หลังชนะการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ทรัมป์รับสายจากประธานาธิบดี ไช่ อิง-เหวิน ของไต้หวัน ที่โทรไปแสดงความยินดี ทำให้จีนไม่พอใจอย่างมากและยื่นประท้วงทางการทูต
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (16) ประธานาธิบดีบารัค โอบามา เตือนว่า ทรัมป์อาจทบทวนนโยบายต่อไต้หวันได้ แต่การดำเนินการดังกล่าวอาจนำไปสู่ผลลัพธ์เลวร้ายในความสัมพันธ์อเมริกา-จีน
“อาจไม่มีความสัมพันธ์ทวิภาคีใดที่สำคัญมากเท่านี้ และหากความสัมพันธ์นี้สะบั้นลงหรือเข้าสู่โหมดความขัดแย้งเต็มรูปแบบ จะเกิดผลลัพธ์เลวร้ายที่สุดกับทุกฝ่าย”
กรณีการยึดโดรนทวีความกังวลเกี่ยวกับความก้าวร้าวทางทหารของจีนในทะเลจีนใต้ ที่ยังมีบรูไน มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน และเวียดนาม อ้างสิทธิ์เหนือน่านน้ำที่เป็นเส้นทางผ่านของการค้ามูลค่าปีละ 5 ล้านล้านดอลลาร์แห่งนี้
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กลุ่มคลังสมองในอเมริกาเพิ่งเผยแพร่ภาพถ่ายผ่านดาวเทียมที่แสดงให้เห็นว่า จีนติดตั้งระบบอาวุธใหม่ ซึ่งรวมถึงระบบต่อต้านอากาศยานและระบบต่อต้านขีปนาวุธบนเกาะเทียมทั้ง 7 เกาะที่สร้างขึ้นในทะเลจีนใต้
กระทรวงกลาโหมจีนแถลงว่า เรือและเครื่องบินสหรัฐฯ ลาดตระเวนและสำรวจ “เฉียด” น่านน้ำจีนมาเป็นเวลานาน โดยไม่ได้ระบุว่า โดรนของวอชิงตันเข้าไปปฏิบัติการในน่านน้ำที่ปักกิ่งถือว่า เป็นของตนหรือไม่
“จีนคัดค้านการดำเนินการนี้และขอให้อเมริกายุติกิจกรรมประเภทนี้” และย้ำว่า จีนจะยังคงเฝ้าระวัง รวมทั้งดำเนินขั้นตอนที่จำเป็นในการจัดการกับกิจกรรมดังกล่าว
ขณะเดียวกัน โกลบัล ไทม์ แท็บลอยด์ที่ตีพิมพ์โดยหนังสือพิมพ์พีเพิลส์ เดลี่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวที่ไม่ระบุชื่อที่แสดงความเชื่อมั่นวา ปัญหานี้จะได้รับการแก้ไขอย่างราบรื่น