Mainland must shape Taiwan’s future
By Global Times
14/12/2016
โกลบอลไทมส์ หนังสือพิมพ์ในเครือเหมินหมินรึเป้า ปากเสียงของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ออกบทบรรณาธิการเสนอแนะให้ปักกิ่งแสดงความหนักแน่นมั่นคงว่าจะใช้กำลังทหารเป็นทางเลือกหลักทางหนึ่งในการนำเอาไต้หวันกลับมารวมชาติกับจีนแผ่นดินใหญ่ ทั้งนี้เป็นปฏิกิริยาตอบโต้หลังจาก โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ พูดคุยโทรศัพท์โดยตรงกับผู้นำไต้หวัน แถมในเวลาต่อมาทรัมป์ยังพูดว่าสหรัฐฯไม่เห็นจำเป็นต้องยึดมั่นอยู่กับ “นโยบายจีนเดียว” ซึ่งเป็นการยอมรับว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน
หลังจากว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯโดนัลด์ ทรัมป์ กระทำสิ่งซึ่งไม่ว่าประธานาธิบดีหรือว่าที่ประธานาธิบดีอเมริกันคนไหนก็ไม่เคยกระทำกันมาก่อน นั่นคือ การรับโทรศัพท์พูดคุยโดยตรงกับประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน ของไต้หวัน แล้วต่อมาเขายังกล่าวในรายการทางโทรทัศน์อเมริกันอีกว่า สหรัฐฯไม่เห็นจำเป็นต้องยึดมั่นอยู่กับ “นโยบายจีนเดียว” ซึ่งก็คือการยอมรับว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน ท่าทีเช่นนี้นอกจากถูกประท้วงตอบโต้จากเจ้าหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงของรัฐบาลจีนแล้ว สื่อมวลชนของทางการแดนมังกรก็ออกมาแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์ โดยเฉพาะบทบรรณาธิการในฉบับวันที่ 14 ธันวาคม 2016 ของหนังสือพิมพ์โกลบอลไทมส์ (Global Times) ได้รับความสนใจจับตามองเป็นพิเศษ เนื่องจากเสนอให้ปักกิ่งแสดงความหนักแน่นมั่นคงว่าจะใช้กำลังทหารเป็นทางเลือกหลักทางหนึ่ง ในการนำเอาไต้หวันกลับมารวมชาติกับจีนแผ่นดินใหญ่ จึงขอเก็บความบทบรรณาธิการนี้จากต้นฉบับภาษาอังกฤษ มานำเสนอไว้ ณ ที่นี้:
สหรัฐฯจะไม่ส่งเสริมสนับสนุนไต้หวันให้ประกาศเอกราช ทว่าในเวลาเดียวกันก็จะไม่นั่งเฉยๆ และเฝ้ามองดูจีนใช้กำลังเข้าพิชิตไต้หวันไม่ว่าในกรณีใดๆ นี่เป็นคำกล่าวของ นิวต์ กิงกริช (Newt Gingrich) อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯเมื่อวันที่ 13 ธันวาคมที่ผ่านมา เขาบอกว่าข้อความซึ่งว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังส่งไปยังปักกิ่งก็คือว่า จีนไม่ควรที่จะ “แสดงความแข็งแกร่งและก้าวร้าว” จนเกินไป
จากการที่กิงกริชเป็นผู้สนับสนุนทรัมป์อย่างหนักแน่นมั่นคงคนหนึ่ง เขาจึงได้รับการพิจารณาว่าเป็นหนึ่งในบุคคลผู้ทรงอิทธิพลในทีมของทรัมป์ กระนั้นเขาก็ไม่ได้รับตำแหน่งใดๆ ในคณะรัฐมนตรี ตามคำพูดคำอธิบายของเขาเองนั้น เขากล่าวว่าเขาไม่ต้องการเข้าร่วมอยู่ในคณะบริหาร และตั้งใจ “ที่จะมุ่งโฟกัสเรื่องการวางแผนทางยุทธศาสตร์”
ไม่เป็นที่แน่นอนชัดเจนว่าความเห็นที่กิงกริชพูดออกมาคราวนี้ เป็นตัวแทนทัศนะของทรัมป์และทีมงานของเขาขนาดไหน ทว่ากิงกริชก็ได้ย้ำสิ่งซึ่งเป็นท่าทีแต่ไหนแต่ไรมาของพรรครีพับลิกัน ตลอดจนเป็นนโยบายที่ดำรงอยู่มาอย่างยาวนานของสหรัฐฯในเรื่องเกี่ยวกับช่องแคบไต้หวัน ทั้งนี้เขากล่าวเน้นว่าวอชิงตันไม่ได้สนับสนุนให้ไต้หวันเป็นเอกราช และขณะเดียวก็จะไม่ยอมรับให้มีการรวมชาติโดยผ่านการใช้กำลังทหาร
เวลาจะบอกให้เราทราบว่าหลังจากทีมของทรัมป์เข้ารับมอบอำนาจขึ้นปกครองสหรัฐฯแล้ว คณะบริหารของเขาจะมีความตั้งใจมุ่งหาทางใช้ประโยชน์จากนโยบายจีนเดียวนี้ เพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองในการแบล็กเมล์ปักกิ่ง หรือว่าในทางปฏิบัติที่เป็นจริงแล้วจะยังคงจำกัดเหนี่ยวรั้งตนเองอยู่
แต่ไม่ว่าจะเป็นกรณีใดก็ตามที ละครตลกในปัจจุบันก็ทำให้จีนจะต้องมีความระแวดระวังภัย
มีความเป็นไปได้ทีเดียวที่วอชิงตันจะปล่อยพลังนำเอาไพ่ไต้หวันขึ้นมาเล่นในลักษณะที่หยาบช้า ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง ความเข้าอกเข้าใจกันเป็นนัยๆ และกฎเกณฑ์แฝงเร้านลึกๆ ที่กระทำกันระหว่างจีนกับสหรัฐฯในเรื่องเกี่ยวกับไต้หวัน อาจจะยังคงได้รับความเคารพยึดถือไปได้อีกไม่นานเท่าใดแล้ว แม้กระทั่งนโยบายจีนเดียวก็ยังอาจถูกโจมตีเล่นงานอย่างไม่คาดหมาย สภาวการณ์เช่นนี้เป็นการสะท้อนข้อเท็จจริงที่ว่าเรากำลังอยู่ห่างไกลจากความสามารถที่จะเข้าควบคุมด้านแห่งการทำลายล้างของปัญหาไต้หวัน
ปริศนาที่ชะงักงันมายาวนานในเรื่องไต้หวัน ได้กลับเปลี่ยนแปลงกลายมาเป็นต้นทุนอันใหญ่โตมหึมาสำหรับการก้าวผงาดขึ้นของจีนไปเสียแล้ว และเท่าที่มองเห็นอยู่จนถึงเวลานี้ก็ยังไม่มีสัญญาณใดๆ เลยว่าต้นทุนดังกล่าวนี้จะหายหดลดน้อยลงไป
ถ้าหากจีนแผ่นดินใหญ่ไม่เพิ่มเติมใส่แรงบีบคั้นกดดันให้มากขึ้นในเรื่องที่อาจจะทำให้การรวมชาติเกิดขึ้นมาด้วยการใช้กำลังแล้ว โอกาสแห่งการรวมชาติอย่างสันติก็มีแต่จะล่องลอยหลุดมือไปเท่านั้น กลุ่มพลังต่างๆ ที่มุ่งเรียกร้องต้องการเอกราชบนเกาะไต้หวัน กำลังแสดงความเชื่ออย่างเปิดเผยว่ากาลเวลาอยู่ข้างพวกเขา เนื่องจากประชาชนไต้หวันส่วนที่ยอมรับอัตลักษณ์ความเป็นคนจีนของพวกเขานั้นกำลังทยอยล้มหายตายจากไปเรื่อยๆ และจากภูมิหลังดังกล่าวนี้ พวกเขาจะสามารถทำให้สถานการณ์กลับเปลี่ยนไปเป็นตรงกันข้าม ด้วยความช่วยเหลือจากกลุ่มพลังต่างๆ ในทางระหว่างประเทศ
อาจจะถึงเวลาแล้วสำหรับจีนแผ่นดินใหญ่ที่จะปรับเปลี่ยนสูตรสร้างนโยบายไต้หวันของตนขึ้นมาใหม่ ด้วยการถือว่าการใช้กำลังคือทางเลือกหลักทางหนึ่ง พร้อมๆ กับตระเตรียมเพื่อการนี้อย่างระมัดระวัง ในทันทีที่พวกกลุ่มพลังเรียกร้องเอกราชไต้หวันกระทำสิ่งซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายห้ามการแบ่งแยกดินแดนแล้ว จีนแผ่นดินใหญ่จะได้สามารถลงโทษพวกเขาด้วยกำลังทหารอย่างไม่มีการเสียเวลา ยิ่งกว่านั้น การเตรียมตัวพรักพร้อมที่จะบรรลุการรวมชาติด้วยวิธีการใช้กำลัง ยังสามารถที่จะกลายเป็นมาตรการป้องปรามอันหนักแน่นจริงจังต่อการที่ไต้หวันจะประกาศตนเป็นเอกราชอีกด้วย
สถานะเดิมทางการทหารระหว่างสองฟากฝั่งช่องแคบไต้หวัน (ระหว่างจีนแผ่นดินใหญ่กับไต้หวัน –ผู้แปล) จำเป็นที่จะต้องปรับเปลี่ยนโฉมเสียใหม่ เพื่อเป็นการตอบโต้และเป็นการลงโทษการที่คณะบริหารปัจจุบันของพรรคเดโมเครติก โปรเกรสสีฟ ปาร์ตี้ (Democratic Progressive Party หรือ DPP พรรคการเมืองในไต้หวันที่มีประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน เป็นผู้นำ -ผู้แปล) ทำลายสถานะเดิมทางการเมืองในสายสัมพันธ์ระหว่างสองฟากฝั่งช่องแคบไต้หวัน และเรายังควรที่จะบ่มเพาะส่งเสริมกลุ่มพลังต่างๆ บนเกาะแห่งนี้ซึ่งส่งเสริมสนับสนุนการรวมชาติ โดยผ่านวิธีการต่างๆ อย่างหลากหลาย
อนาคตของไต้หวันจักต้องไม่ใช่กำหนดจัดวางขึ้นมาโดยพรรค DPP และวอชิงตัน แต่จักต้องกำหนดจัดวางขึ้นมาโดยจีนแผ่นดินใหญ่ เป็นที่วาดหวังกันอยู่ว่าสันติภาพในช่องแคบไต้หวันจะไม่ถูกก่อกวนวุ่นวาย ทว่าจีนแผ่นดินใหญ่ควรที่จะแสดงให้เห็นความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวของตนในการนำเอาไต้หวันกลับคืนมาด้วยการใช้กำลัง สันติภาพนั้นไม่ได้เป็นสมบัติของคนขี้ขลาดเลย
(ดูต้นฉบับภาษาอังกฤษได้ที่http://www.globaltimes.cn/content/1023753.shtml)
โกลบอลไทมส์ เป็นหนังสือพิมพ์รายวันของจีนซึ่งอยู่เครือหนังสือพิมพ์เหรินหมินรึเป้า ปากเสียงของพรรคคอมมิวนิสต์จีน โกลบอลไทมส์ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ขนาดแทบลอยด์ มีทั้งเวอร์ชั่นฉบับภาษาจีนและฉบับภาษาอังกฤษ โดยเนื้อหาโฟกัสที่การเสนอประเด็นปัญหาระหว่างประเทศด้วยทัศนะมุมมองของชาวจีนคอมมิวนิสต์ หนังสือพิมพ์ฉบับนี้วางตำแหน่งตนเองให้แตกต่างออกไปจากหนังสือพิมพ์ในจีนฉบับอื่นๆ โดยส่วนหนึ่งอาศัยวิธีการเชิงประชานิยมมากขึ้นในการนำเสนอ และผสมผสานด้วยแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดการโต้แย้งถกเถียง (ข้อมูลจาก Wikipedia)
By Global Times
14/12/2016
โกลบอลไทมส์ หนังสือพิมพ์ในเครือเหมินหมินรึเป้า ปากเสียงของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ออกบทบรรณาธิการเสนอแนะให้ปักกิ่งแสดงความหนักแน่นมั่นคงว่าจะใช้กำลังทหารเป็นทางเลือกหลักทางหนึ่งในการนำเอาไต้หวันกลับมารวมชาติกับจีนแผ่นดินใหญ่ ทั้งนี้เป็นปฏิกิริยาตอบโต้หลังจาก โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ พูดคุยโทรศัพท์โดยตรงกับผู้นำไต้หวัน แถมในเวลาต่อมาทรัมป์ยังพูดว่าสหรัฐฯไม่เห็นจำเป็นต้องยึดมั่นอยู่กับ “นโยบายจีนเดียว” ซึ่งเป็นการยอมรับว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน
หลังจากว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯโดนัลด์ ทรัมป์ กระทำสิ่งซึ่งไม่ว่าประธานาธิบดีหรือว่าที่ประธานาธิบดีอเมริกันคนไหนก็ไม่เคยกระทำกันมาก่อน นั่นคือ การรับโทรศัพท์พูดคุยโดยตรงกับประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน ของไต้หวัน แล้วต่อมาเขายังกล่าวในรายการทางโทรทัศน์อเมริกันอีกว่า สหรัฐฯไม่เห็นจำเป็นต้องยึดมั่นอยู่กับ “นโยบายจีนเดียว” ซึ่งก็คือการยอมรับว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน ท่าทีเช่นนี้นอกจากถูกประท้วงตอบโต้จากเจ้าหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงของรัฐบาลจีนแล้ว สื่อมวลชนของทางการแดนมังกรก็ออกมาแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์ โดยเฉพาะบทบรรณาธิการในฉบับวันที่ 14 ธันวาคม 2016 ของหนังสือพิมพ์โกลบอลไทมส์ (Global Times) ได้รับความสนใจจับตามองเป็นพิเศษ เนื่องจากเสนอให้ปักกิ่งแสดงความหนักแน่นมั่นคงว่าจะใช้กำลังทหารเป็นทางเลือกหลักทางหนึ่ง ในการนำเอาไต้หวันกลับมารวมชาติกับจีนแผ่นดินใหญ่ จึงขอเก็บความบทบรรณาธิการนี้จากต้นฉบับภาษาอังกฤษ มานำเสนอไว้ ณ ที่นี้:
สหรัฐฯจะไม่ส่งเสริมสนับสนุนไต้หวันให้ประกาศเอกราช ทว่าในเวลาเดียวกันก็จะไม่นั่งเฉยๆ และเฝ้ามองดูจีนใช้กำลังเข้าพิชิตไต้หวันไม่ว่าในกรณีใดๆ นี่เป็นคำกล่าวของ นิวต์ กิงกริช (Newt Gingrich) อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯเมื่อวันที่ 13 ธันวาคมที่ผ่านมา เขาบอกว่าข้อความซึ่งว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังส่งไปยังปักกิ่งก็คือว่า จีนไม่ควรที่จะ “แสดงความแข็งแกร่งและก้าวร้าว” จนเกินไป
จากการที่กิงกริชเป็นผู้สนับสนุนทรัมป์อย่างหนักแน่นมั่นคงคนหนึ่ง เขาจึงได้รับการพิจารณาว่าเป็นหนึ่งในบุคคลผู้ทรงอิทธิพลในทีมของทรัมป์ กระนั้นเขาก็ไม่ได้รับตำแหน่งใดๆ ในคณะรัฐมนตรี ตามคำพูดคำอธิบายของเขาเองนั้น เขากล่าวว่าเขาไม่ต้องการเข้าร่วมอยู่ในคณะบริหาร และตั้งใจ “ที่จะมุ่งโฟกัสเรื่องการวางแผนทางยุทธศาสตร์”
ไม่เป็นที่แน่นอนชัดเจนว่าความเห็นที่กิงกริชพูดออกมาคราวนี้ เป็นตัวแทนทัศนะของทรัมป์และทีมงานของเขาขนาดไหน ทว่ากิงกริชก็ได้ย้ำสิ่งซึ่งเป็นท่าทีแต่ไหนแต่ไรมาของพรรครีพับลิกัน ตลอดจนเป็นนโยบายที่ดำรงอยู่มาอย่างยาวนานของสหรัฐฯในเรื่องเกี่ยวกับช่องแคบไต้หวัน ทั้งนี้เขากล่าวเน้นว่าวอชิงตันไม่ได้สนับสนุนให้ไต้หวันเป็นเอกราช และขณะเดียวก็จะไม่ยอมรับให้มีการรวมชาติโดยผ่านการใช้กำลังทหาร
เวลาจะบอกให้เราทราบว่าหลังจากทีมของทรัมป์เข้ารับมอบอำนาจขึ้นปกครองสหรัฐฯแล้ว คณะบริหารของเขาจะมีความตั้งใจมุ่งหาทางใช้ประโยชน์จากนโยบายจีนเดียวนี้ เพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองในการแบล็กเมล์ปักกิ่ง หรือว่าในทางปฏิบัติที่เป็นจริงแล้วจะยังคงจำกัดเหนี่ยวรั้งตนเองอยู่
แต่ไม่ว่าจะเป็นกรณีใดก็ตามที ละครตลกในปัจจุบันก็ทำให้จีนจะต้องมีความระแวดระวังภัย
มีความเป็นไปได้ทีเดียวที่วอชิงตันจะปล่อยพลังนำเอาไพ่ไต้หวันขึ้นมาเล่นในลักษณะที่หยาบช้า ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง ความเข้าอกเข้าใจกันเป็นนัยๆ และกฎเกณฑ์แฝงเร้านลึกๆ ที่กระทำกันระหว่างจีนกับสหรัฐฯในเรื่องเกี่ยวกับไต้หวัน อาจจะยังคงได้รับความเคารพยึดถือไปได้อีกไม่นานเท่าใดแล้ว แม้กระทั่งนโยบายจีนเดียวก็ยังอาจถูกโจมตีเล่นงานอย่างไม่คาดหมาย สภาวการณ์เช่นนี้เป็นการสะท้อนข้อเท็จจริงที่ว่าเรากำลังอยู่ห่างไกลจากความสามารถที่จะเข้าควบคุมด้านแห่งการทำลายล้างของปัญหาไต้หวัน
ปริศนาที่ชะงักงันมายาวนานในเรื่องไต้หวัน ได้กลับเปลี่ยนแปลงกลายมาเป็นต้นทุนอันใหญ่โตมหึมาสำหรับการก้าวผงาดขึ้นของจีนไปเสียแล้ว และเท่าที่มองเห็นอยู่จนถึงเวลานี้ก็ยังไม่มีสัญญาณใดๆ เลยว่าต้นทุนดังกล่าวนี้จะหายหดลดน้อยลงไป
ถ้าหากจีนแผ่นดินใหญ่ไม่เพิ่มเติมใส่แรงบีบคั้นกดดันให้มากขึ้นในเรื่องที่อาจจะทำให้การรวมชาติเกิดขึ้นมาด้วยการใช้กำลังแล้ว โอกาสแห่งการรวมชาติอย่างสันติก็มีแต่จะล่องลอยหลุดมือไปเท่านั้น กลุ่มพลังต่างๆ ที่มุ่งเรียกร้องต้องการเอกราชบนเกาะไต้หวัน กำลังแสดงความเชื่ออย่างเปิดเผยว่ากาลเวลาอยู่ข้างพวกเขา เนื่องจากประชาชนไต้หวันส่วนที่ยอมรับอัตลักษณ์ความเป็นคนจีนของพวกเขานั้นกำลังทยอยล้มหายตายจากไปเรื่อยๆ และจากภูมิหลังดังกล่าวนี้ พวกเขาจะสามารถทำให้สถานการณ์กลับเปลี่ยนไปเป็นตรงกันข้าม ด้วยความช่วยเหลือจากกลุ่มพลังต่างๆ ในทางระหว่างประเทศ
อาจจะถึงเวลาแล้วสำหรับจีนแผ่นดินใหญ่ที่จะปรับเปลี่ยนสูตรสร้างนโยบายไต้หวันของตนขึ้นมาใหม่ ด้วยการถือว่าการใช้กำลังคือทางเลือกหลักทางหนึ่ง พร้อมๆ กับตระเตรียมเพื่อการนี้อย่างระมัดระวัง ในทันทีที่พวกกลุ่มพลังเรียกร้องเอกราชไต้หวันกระทำสิ่งซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายห้ามการแบ่งแยกดินแดนแล้ว จีนแผ่นดินใหญ่จะได้สามารถลงโทษพวกเขาด้วยกำลังทหารอย่างไม่มีการเสียเวลา ยิ่งกว่านั้น การเตรียมตัวพรักพร้อมที่จะบรรลุการรวมชาติด้วยวิธีการใช้กำลัง ยังสามารถที่จะกลายเป็นมาตรการป้องปรามอันหนักแน่นจริงจังต่อการที่ไต้หวันจะประกาศตนเป็นเอกราชอีกด้วย
สถานะเดิมทางการทหารระหว่างสองฟากฝั่งช่องแคบไต้หวัน (ระหว่างจีนแผ่นดินใหญ่กับไต้หวัน –ผู้แปล) จำเป็นที่จะต้องปรับเปลี่ยนโฉมเสียใหม่ เพื่อเป็นการตอบโต้และเป็นการลงโทษการที่คณะบริหารปัจจุบันของพรรคเดโมเครติก โปรเกรสสีฟ ปาร์ตี้ (Democratic Progressive Party หรือ DPP พรรคการเมืองในไต้หวันที่มีประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน เป็นผู้นำ -ผู้แปล) ทำลายสถานะเดิมทางการเมืองในสายสัมพันธ์ระหว่างสองฟากฝั่งช่องแคบไต้หวัน และเรายังควรที่จะบ่มเพาะส่งเสริมกลุ่มพลังต่างๆ บนเกาะแห่งนี้ซึ่งส่งเสริมสนับสนุนการรวมชาติ โดยผ่านวิธีการต่างๆ อย่างหลากหลาย
อนาคตของไต้หวันจักต้องไม่ใช่กำหนดจัดวางขึ้นมาโดยพรรค DPP และวอชิงตัน แต่จักต้องกำหนดจัดวางขึ้นมาโดยจีนแผ่นดินใหญ่ เป็นที่วาดหวังกันอยู่ว่าสันติภาพในช่องแคบไต้หวันจะไม่ถูกก่อกวนวุ่นวาย ทว่าจีนแผ่นดินใหญ่ควรที่จะแสดงให้เห็นความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวของตนในการนำเอาไต้หวันกลับคืนมาด้วยการใช้กำลัง สันติภาพนั้นไม่ได้เป็นสมบัติของคนขี้ขลาดเลย
(ดูต้นฉบับภาษาอังกฤษได้ที่http://www.globaltimes.cn/content/1023753.shtml)
โกลบอลไทมส์ เป็นหนังสือพิมพ์รายวันของจีนซึ่งอยู่เครือหนังสือพิมพ์เหรินหมินรึเป้า ปากเสียงของพรรคคอมมิวนิสต์จีน โกลบอลไทมส์ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ขนาดแทบลอยด์ มีทั้งเวอร์ชั่นฉบับภาษาจีนและฉบับภาษาอังกฤษ โดยเนื้อหาโฟกัสที่การเสนอประเด็นปัญหาระหว่างประเทศด้วยทัศนะมุมมองของชาวจีนคอมมิวนิสต์ หนังสือพิมพ์ฉบับนี้วางตำแหน่งตนเองให้แตกต่างออกไปจากหนังสือพิมพ์ในจีนฉบับอื่นๆ โดยส่วนหนึ่งอาศัยวิธีการเชิงประชานิยมมากขึ้นในการนำเสนอ และผสมผสานด้วยแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดการโต้แย้งถกเถียง (ข้อมูลจาก Wikipedia)