เอเอฟพี - สายการบินแห่งชาติปากีสถาน ประกาศหยุดใช้งานฝูงบิน เอทีอาร์ ทั้ง 10 ลำ เป็นการชั่วคราว หลังเกิดอุบัติเหตุเครื่องบินพุ่งชนภูเขาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งทำให้ผู้โดยสารและลูกเรือเสียชีวิตยกลำ 47 ศพ และยังมีเครื่องบินอีกลำที่ประสบเหตุขัดข้องทางเทคนิคก่อนจะเทกออฟเมื่อค่ำวานนี้ (11 ธ.ค.)
เที่ยวบิน 661 ของสายการบิน ปากีสถาน อินเตอร์เนชันแนล แอร์ไลน์ส (พีไอเอ) ได้พุ่งชนเนินเขาทางตอนเหนือของประเทศ เมื่อวันพุธที่ 7 ธ.ค. ขณะเดินทางจากเมืองจิตราล (Chitral) เพื่อไปยังกรุงอิสลามาบัด ซึ่งต่อมาสายการบินได้ออกมาแถลงว่า เครื่องยนต์ 1 ใน 2 ตัวเกิดล้มเหลว
หลังจากนั้น เครื่องบินเอทีอาร์อีกลำ ก็เกิด “ขัดข้องทางเทคนิค” เมื่อกลางดึกวันอาทิตย์ (11) ขณะกำลังเทกออฟจากสนามบินเมืองมุลตัน ไปยังนครการาจี ทำให้นักบินต้องนำเครื่องวกกลับไปยังหลุมจอดอีกครั้ง แต่สายการบินได้ปฏิเสธรายงานที่ว่าเครื่องยนต์ตัวหนึ่งเกิดเพลิงลุกไหม้
พีไอเอ ระบุว่า ฝูงบินเอทีอาร์ทั้ง 10 ลำ จะต้องผ่านการตรวจเช็กสภาพอย่างละเอียด หลังจากประสบปัญหาถึง 2 ครั้งติดๆ กัน
“สืบเนื่องจากคำสั่งของสำนักงานการบินพลเรือนที่ให้เครื่องบินเอทีอาร์ทุกลำของ พีไอเอ ต้องผ่านการตรวจเช็กสภาพใหม่ สายการบินจึงตัดสินใจระงับใช้งานเครื่องบินรุ่นนี้ จนกว่าจะผ่านการทดสอบ” ดันยาล กิลานี โฆษกพีไอเอ แถลง
เอทีอาร์ เป็นผู้ผลิตอากาศยานเทอร์โบพร็อบ ซึ่งมีฐานอยู่ที่เมืองตูลูส ประเทศฝรั่งเศส และเป็น “ผู้นำตลาดเครื่องบินโดยสารที่จุคนได้สูงสุด 90 นั่ง” ตามข้อมูลจากเว็บไซต์บริษัท
ค่ายอากาศยานแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในปี 1981 โดยเป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัท แอร์บัส กรุ๊ป และ ลีโอนาร์โด
สำหรับเครื่องบินรุ่น ATR 42-500 เป็นอากาศยานชนิด 2 เครื่องยนต์ ซึ่งจุผู้โดยสารได้ 48 ที่นั่ง ในระดับมาตรฐาน และสามารถทำการบินได้ทั้งบนทางวิ่งที่มีการปรับพื้นผิวให้เรียบ (paved strip) และไม่ได้ปรับ
เอทีอาร์ ใช้เครื่องยนต์ที่ผลิตโดย แพร็ตต์ แอนด์ วิตนีย์ แคนาดา ซึ่งมีบริษัทแม่อยู่ในสหรัฐฯ
ผู้ผลิตเครื่องบินยังปฏิเสธที่จะให้ความเห็นใดๆ ระหว่างที่ทางการปากีสถานกำลังสอบสวนหาสาเหตุการตกของเครื่องบิน